Honey I Shrunk The Kids (1989) | 4 จิ๋วพลิกมิติมหัศจรรย์
Director: Joe Johnston
Genres: Adventure | Comedy | Family | Sci-Fi
Grade: B+
มาลองเปลี่ยนบรรยากาศสำรวจโลกจิ๋วดูบ้าง โดยเฉพาะโลกในมุมที่เราไม่เคยสัมผัสหรือเห็นกันแบบชัดๆมาก่อน เมื่อสิ่งของสามารถถูกย่อส่วนให้เล็กนิดเดียว แต่จะเป็นยังไงหากเราถูกย่อส่วนเสียเอง แน่นอนว่าจะต้องเป็นอะไรที่สนุกไม่น้อย การได้สำรวจโลกขนาดเล็กที่มองผ่านตาอาจดูธรรมดา แล้วถ้าเกิดได้เข้าไปสัมผัสจะกลายเป็นเรื่องราวผจญภัยที่ตื่นเต้นไม่น้อยทีเดียว
ส่วนประเด็นขนาดเล็กใหญ่เกิดจากเวนย์ ซาลินสกี้ (Rick Moranis) นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังประดิษฐ์เครื่องย่อส่วน โดยมีแนวคิดช่วยประหยัดพื้นที่ทรัพยากร สามารถรับหรือจัดวางได้มากขึ้นหลายเท่า ถ้าแนวคิดนี้ประสบผลสำเร็จจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงและกำไรมหาศาล แต่ระหว่างที่ทิ้งเครื่องประดิษฐ์นี้ไว้ที่บ้านได้เกิดปัญหาสุดเหลือเชื่อ เมื่อเอมี่ (Amy O’Neill) กับนิก (Robert Oliveri) ลูกสุดที่รักของเขา และรัส (Thomas Wilson Brown) กับรอน (Jared Rushton) ลูกคนข้างบ้านถูกย่อส่วนเข้าโดยบังเอิญ
ทว่าเรื่องไม่จบแค่นั้น เมื่อพวกเขาโดนกวาดราวกับเศษขยะที่พื้น ทำให้เด็กๆทั้งสี่ต้องไปรวมอยู่ที่ถังขยะหน้าบ้าน ซึ่งพวกเขาต้องย้อนกลับไปที่บ้านอีกครั้งเพื่อหาวิธีแก้ไข กระนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากการเข้าบ้านต้องผ่านสนานหญ้าหน้าบ้าน ตอนนี้ให้เปรียบเทียบคือป่าลึกที่หนาและเต็มไปด้วยอุปสรรค จะเจออะไรบ้างต้องตามช่วยลุ้นว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ดั้งเดิมไม่เชิงเป็นหนังสไตล์ครอบครัว แต่กลายๆหนังสยองขวัญเล็กน้อยให้พอระทึกขวัญ ขนาดที่ต้องมีคนตายด้วยซ้ำ ซึ่งเดิมจะมีตัวละคร 5 คนจาก 4 คนที่ถูกย่อส่วน และเป็นฉากสปริงเกอร์ที่พ่นน้ำรดสนามหญ้า แต่โชคดีที่ความคิดถูกเปลี่ยนตามประสาค่ายดิสนีย ถ้าตัวละครที่เป็นเด็กเกิดตายขึ้นมาคงเป็นเรื่องน่าหดหู่ กระนั้นฉากนี้ไม่ได้ตัดออกแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นฉากชวนลุ้นตื่นเต้นที่เห็นตัวละครวิ่งหนีหยดน้ำที่สาดกระเด็น แค่หยดน้ำเล็กๆที่แสนจะธรรมดา แต่พอได้เห็นมุมมองที่เล็กลงไปก็ไม่ต่างกับอุกกาบาตลงเลยทีเดียว
ยอมรับว่า Honey I Shrunk The Kids เนรมิตรฉากต่างๆให้ออกมาดูใหญ่โตสมจริง ทำให้ตัวละครที่ถูกย่อส่วนดูเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งขึ้น และมีเรื่องราวการผจญภัยที่ไม่มีเบื่อ เจออุปสรรคนานัปการและเรื่องเกินคาดหลายอย่าง ที่ชอบมากคือการเจอขนมคุกกี้ที่ขนาดใหญ่โตสามารถกินได้เป็นอาทิตย์ ทั้งที่คำเดียวแทบไม่พออิ่มด้วยซ้ำ และที่น่าสนใจมากที่สุดคือการเจอแมลง แน่นอนอาจไม่สมจริงมากเท่าไร แต่ด้วยยุคสมัยทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีไม่น้อย
นอกจากเรื่องเอฟเฟคและฉากก็คือเนื้อเรื่องที่มีมิติ ไม่ใช่แค่ทดลองผิดพลาดแล้วช่วยแก้ปัญหาก็จบ แต่ยังพูดถึงเรื่องใกล้ตัวที่หลายครอบครัวมองข้าม โดยเฉพาะเรื่องการเอาใจใส่ บางครอบครัวทำแต่งานจนลืมความสำคัญของลูกๆ หรือการให้ลูกเป็นตัวของตัวเองดีกว่าให้เป็นอย่างที่เขาไม่ชอบ ซึ่งการทำแบบนี้ไม่ต่างกับทำให้พวกเขาเล็กลงจากชีวิตความเป็นจริง กลายเป็นคนที่ดูห่างไกลและถูกมองข้าม กว่าจะนึกให้ความสำคัญก็แทบจะหาไม่เจอหรือช้าเกินไป
การสื่อนัยยะเรื่องครอบครัวที่เหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่แท้จริงเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญมาเป็นอันดับแรก จะทำยังไงให้ลูกของตัวเองมีความสุข อยู่กับสิ่งที่เขาต้องการ ครอบครัวที่ดีพร้อมสำหรับทุกคนควรเป็นแบบไหน เรื่องจริงที่มองข้ามคือการย้อนมองดูตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักถูกมองเป็นเรื่องเล็กไม่ค่อยสำคัญ เดี๋ยวโตเดี๋ยวเข้าใจได้เอง แต่หารู้ไม่กับสิ่งเล็กๆนี้จะเป็นปัญหาในตอนท้าย ถ้ารู้ปัญหาและแก้ไขจะทำให้ครอบครัวกลับมามีความสัมพันที่ดี เฉกเช่นเรื่องนี้ที่เข้าใจในปัญหาและยอมรับในข้อผิดพลาดนี้เพื่อแก้ไขให้ดีขึ้น