Maniac (1980)

Maniac (1980)
Director: William Lustig
Genres: Drama | Horror | Thriller
Grade: C+

หนังสยองขวัญที่เดินเรื่องด้วยตัวฆาตกรเป็นหลัก ไม่ต้องมานั่งลุ้นหรือคาดเดาให้เสียเวลา แค่เปิดเรื่องไม่กี่นาทีก็ฆ่ากันแล้วด้วยฝีมือของแฟรงค์ ซิโต้ (Joe Spinell) ชายที่มีอาการทางจิตและเลือกลงมือฆ่าแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ฆ่าอย่างเดียวไม่พอเพราะถลกหนังหัวของเหยื่อทุกคนที่ฆ่าไปด้วย และแน่นอนไม่มีใครรอดจากเงื้อมมือชองฆาตกรโรคจิตคนนี้สักราย แต่ทำไมเขาต้องฆ่าแล้วทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่


พล็อตแทบไม่มีเนื้อหาจับใจความได้สักเท่าไร รู้แค่หนังเล่าถึงผู้หญิงคนไหนต้องไม่รอดแน่นอน ยิ่งไม่ปล่อยให้ลีลาหรือวิ่งหนียิ่งมีโอกาสรอดได้ยาก ทำให้บางครั้งอยากให้มีลุ้นบ้างระทึกบ้าง ไม่ใช่ต้องโดนต้องตายแน่ๆ แต่ดีหน่อยที่มีให้ลุ้นในฉากวิ่งหนีที่สถานี้รถไฟฟ้าใต้ดิน กระนั้นไม่มีความรู้สึกว่ารอดอยู่ดี เพราะไม่มีใครให้ช่วย ไม่มีทางหนี ทั้งสถานีมีเพียงฆาตกรกับเหยื่อเท่านั้น ยิ่งตัวละครไม่ได้ปูให้ความสัมพันธ์อะไรมากก็ยิ่งแสดงถึงความไม่สำคัญว่าต้องอยู่ต่อ สรุปมีแต่ตายกับตายซะอย่างเดียว

เหยื่อเป็นเพียงคนโชคร้ายที่บังเอิญไปอยู่ในสายตาโรคจิตคนนี้ ทำให้โดนเล็งฆ่าแบบไม่มีเหตุผล รู้แค่ต้องเป็นผู้หญิงและถลกหนังหัวอีกด้วย ซึ่งหนังหัวที่ถลกมาพร้อมกับเส้นผมจะนำมาติดบนหัวหุ่นโชว์(หุ่นนางแบบที่ใช้โชว์เสื้อผ้า) ส่วนที่ต้องทำขนาดนี้ไม่อาจบอกได้แน่ชัด ปมความเป็นมาของฆาตกรค่อนข้างบอบบาง สิ่งที่รู้เป็นเพียงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก โดยมีแม่เป็นคนสร้างปมในใจนี้ขึ้นมา ทำให้พอจะอธิบายการเลือกเหยื่อได้อยู่บ้าง แต่ถ้าให้โยงความสัมพันธ์อย่างมีเหตุมีผลอาจไม่มีข้อนี้เลยก็ได้


เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีน้ำหนัก อาศัยขายความโหดเป็นหลักมากกว่า ซึ่งเต็มไปด้วยฉากสยองขวัญที่รุนแรงและน่ากลัว โดยคนที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องเมคอัพและเทคนิคพิเศษคือ Tom Savini ที่เนียนแอบมาเล่นในหนัง อีกทั้งเป็นฉากสำคัญที่โหดที่สุดในเรื่องอีกด้วย ส่วนจะโหดขนาดไหนต้องหามาชมกันเองถึงจะได้อรรถรส ถ้าให้บอกอาจฟังดูเฉยๆเพราะเป็นฉากใช้ปืนลูกซองยิงหัว แต่ไม่ใช่ยิงแค่หัวธรรมดา หลายอย่างดูจริงและรุนแรงเต็มที่ ที่สำคัญคืออารมณ์ชวนสะพรึงด้วยการสโลโมชั่นอีกด้วย

Maniac เป็นหนังสยองขวัญที่เข้าท่าอย่างหนึ่้งเกี่ยวกับการเล่าเรื่องอย่างง่าย อาจจะตามสูตรสำเร็จหลายฉาก แต่ไม่มีฉากไหนที่รู้สึกน่าเบื่อชวนหงุดหงิด ยิ่งการแสดงของ Joe Spinell ราวกับฆาตกรโรคจิตยังไงอย่างงั้น ทว่ายิ่งเล่าเรื่องยิ่งแปลกใจกับจุดมุ่งหมายการฆ่าที่ไม่มีเหตุผลรองรับ บางคนเหมือนมีอะไรสักอย่างแต่ถูกฆ่าแบบไม่เข้าใจ เสมือนเป็นการสอนผู้หญิงให้ระมัดระวังตัวตอนไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะไม่มีอะไรที่แน่นอนและปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์


เสียดายตอนจบที่ม้วนเสื่อง่ายดายเสียเหลือเกิน แค่ทำผิดพลาดนิดหน่อยถึงกับทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเกือบหมด แต่ตอนจบเป็นฉากที่หลอนพอสมควร ราวกับสิ่งที่เคยทำไว้ทุกอย่างได้ย้อนสนองกลับเข้าตัว นับเป็นฉากที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งอันที่จริงไม่เหมือนตั้งแต่เปิดเรื่องที่เล่าแบบไม่มีพระเอกหรือนางเอก มีเพียงฆาตกรกับเหยื่อ ทำให้สิ่งนี้ดูสมจริงกว่าหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆที่มักให้ฆาตกรเป็นตัวละครลับ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)