Bird Box (2018) มอง อย่าให้เห็น

Bird Box (2018) | มอง อย่าให้เห็น
Director: Susanne Bier
Genres: Drama / Horror / Sci-Fi
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

คอนเซปต์หนังหายนะสิ้นโลกเหมือน A Quiet Place (2018) แค่เปลี่ยน"ห้ามส่งเสียง"ต้องอยู่อย่างเงียบๆ มาเป็น"ห้ามมองเห็น"ต้องอยู่โดยไม่ลืมตา ซึ่งเหมือนหรือคล้ายกันเพียงเท่านี้ สิ่งที่แตกต่างคือไม่มีสัตว์ประหลาด ไม่มีเอเลี่ยน ไม่มีการทดลอง หรือมีก็ไม่รู้ ที่เห็นเป็นเพียงความว่างเปล่า เป็นอากาศหรือสายลมที่มากับความพลิ้วไหวต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งดูเหมือน The Happening (2008) เกี่ยวกับต้นไม้ปล่อยสารบางอย่าง ทำให้คนพากันฆ่าตัวตาย


ทั้งสองเรื่องที่ยกมาข้างต้นเหมือนรวมพล็อตไว้อยู่ในเรื่องนี้เรื่องเดียว แค่ปรับเปลี่ยนหรือยกระดับความฉงนให้น่าสงสัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระดับความรุนแรง หรือการติดเชื้อ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนฆ่าตัวตาย เนื่องจากติดต่อได้กระทั่งการมองจอที่ถ่ายทอดมาจากกล้องวงจรปิด ทำให้แปลกใจอย่างมากเกี่ยวกับขอบเขตการติดเชื้อ แค่มองเท่ากับสัมผัสสิ่งนั้น แล้วอะไรคือสิ่งนั้น เป็นปริศนาที่ทิ้งไว้ไม่เฉลยให้กระจ่าง จนต้องยอมเชื่อตามตัวละครว่าอย่าได้มองเด็ดขาด

บางทีอาจเป็นธรรมชาติด้วยวิธีการสักอย่าง โดยเลือกติดต่อผ่านทางดวงตา เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมองต้องใช้อยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนการส่งเสียงหรือได้ยินที่สามารถปรับแก้ไขให้ใช้ชีวิตในประจำวันได้ การไม่เห็นอะไรเลยเป็นสิ่งที่ลำบากอย่างมาก ใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดบอด ไม่รู้ข้างหน้ามีอะไร ข้างหลังคืออะไร หรืออยู่ใกล้สิ่งไหน ฉะนั้นการห้ามมองเป็นเรื่องที่ท้าทาย จะใช้ชีวิตยังไงให้รอดเป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวอย่างมาก


การเอาตัวรอดโดยใช้ผ้าปิดตาเพื่อไม่เป็นการฝืนตัวเอง ทำให้ความจริงแล้วตัวละครยังลืมตามองอยู่ แค่มีผ้ากั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า การมองเห็นย่อมไม่รู้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร แต่อย่างน้อยทำให้รู้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน ทว่าไม่ได้ปิดตาห้ามมองตลอดเวลา เมื่ออยู่ในบ้านหรือใช้ผ้าคลุมหัวสามารถเปิดตามองคุยกันได้ ซึ่งสิ่งนั้นไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาสัมผัสดวงตาได้ ทำให้มีโอกาสได้เห็นสีหน้าหรือแววตาแต่ละคน รวมไปถึงการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ถ้าขาดสิ่งนี้ไปคงดูเหมือนไร้อารมณ์

นักแสดงนำคือ Sandra Bullock กับบทบาทที่ต้องแบกรับภาระดูแลเด็กน้อยทั้งสอง (Julian Edwards,Vivien Lyra Blair) ต้องพาเอาตัวรอดพายเรือบนกระแสน้ำเชี่ยว เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางเดียวที่จะเจอผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่ปลายทาง ซึ่งระหว่างการผจญภัยบนความตึงเครียดจะเล่าสลับเหตุการณ์ระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทำให้บางอย่างได้รับการเติมเต็มถึงที่มาที่ไป ช่วยเสริมความสมเหตุสมผลและจิตใจตัวละครได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียของการเล่าสลับอดีตและปัจจุบันทำให้รู้ชะตากรรมของตัวละครในอนาคตเป็นเช่นไร แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอเดาได้ระดับหนึ่ง


ความตื่นเต้นลุ้นระทึกมีไม่มากและน้อยจนเกินไป สิ่งที่มีมากคือการเล่าถึงความอยู่รอดของตัวละครครั้งเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ จะกินจะอยู่และใช้ชีวิตยังไง จุดเริ่มต้นจึงมีเนื้อเรื่องยาวเพราะต้องปูเนื้อเรื่องหลายอย่าง การกระทำของตัวละครจึงมีเหตุผลรองรับ เข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะความสัมพันธ์แม่ลูกที่ต้องทำให้เกิดความผูกพันมากที่สุด เนื่องจากเหตุการณ์ในปัจจุบันเป็นฉากวัดใจ ต้องเลือกเปิดตาดูทาง ซึ่งใครคือคนที่เสียสละคนนั้น

จนหนังจบยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไร ไม่รู้สิ่งนั้นมาจากไหนและคืออะไร รู้แค่เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและแทรกซึมได้ทุกที่ที่มีการมองแบบเต็มตา แต่สิ่งนั้นไม่ถูกกับนกเพราะนกช่วยเตือนเวลาอยู่ใกล้ รวมไปถึงคนที่ถูกสิ่งนั้นควบคุม อีกประเด็นคือบทสนาเกี่ยวกับม้าที่ท้องจะมีอาการหวงตัวเอง ไล่กัดม้าตัวอื่นๆคล้ายอาการคลุ้มคลั่ง การใช้นกหรือม้าเป็นตัวแทนสัญลักษณ์อาจมีนัยยะอื่นแอบแฝงให้ตีความก็เป็นได้(หรือเปล่า) ซึ่งสิ่งนั้นคืออะไรอาจไม่มีอยู่จริง เพราะบางครั้งสิ่งที่เห็นไม่เหมือนสิ่งที่เป็นเสมอไป

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)