Mile 22 (2018) คนมหากาฬเดือดมหาประลัย

Mile 22 (2018) | คนมหากาฬเดือดมหาประลัย
Director: Peter Berg
Genres: Action / Thriller
Grade: C+

แค่เปิดเรื่องก็รู้สึกบทมันแปลกตรงที่พยายามเล่าอดีตของ เจมส์ ซิลวา (Mark Wahlberg) ให้ดูเป็นตัวร้ายเพราะพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ทั้งที่เป็นพระเอกและหัวหน้าทีมโอเวอร์วอชปฏิบัติภารกิจจัดการผู้ร้าย ซึ่งพอรับได้ถ้าเป็นการบอกมิติตัวละครนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์และสร้างความน่ารำคาญเสียมากกว่า เพราะทั้งเรื่องทำตัวเจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียว ด่าว่าคนอื่นตลอดเวลา แล้วที่เน้นชัดที่สุดคือสมาธิสั้น แทบทั้งเรื่องต้องคอยดีดหนังยางที่คล้องข้อมือเพื่อคุมสมาธิ


Mark Wahlberg จับมือร่วมงานกับผู้กำกับ Peter Berg มาหลายเรื่องและทุกเรื่องเป็นแนวแอ็คชั่นตามที่ตัวเองถนัด แต่คงไม่มีเรื่องไหนที่บทอ่อนเท่าเรื่องนี้ที่พยายามเดินเรื่องให้เร็วจนข้ามทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่สนที่จะเล่าหรือปูเรื่องราวแต่อย่างใด มีภารกิจต้องทำและทำให้สำเร็จแค่นั้น ฉะนั้นส่วนใหญ่จะหนักกับการยิงและระเบิด เหมาะแก่การดูเพลินๆไม่คิดมาก กระนั้นหลายครั้งชอบโยนประเด็นมาให้คิด ทำให้ดูแล้วไม่รู้สึกจบเพราะค้างคากับหลายสิ่งที่ไม่กระจ่าง

ตัวละครหลากหลายและน่าสนใจ แต่ทั้งหมดไม่ได้รับการเล่าถึงแต่อย่างใด แทบทุกตัวละครแบนราบอย่างน่าเสียดาย กลับกันในส่วนที่มีก็ใช่จะเข้าท่าหรือยกมาเชื่อมโยงเข้าเนื้อหาหลัก เช่น อลิซ เคอร์ (Lauren Cohan) หนึ่งในทีมโอเวอร์วอชที่มีหน้ามีตาเป็นคนสำคัญ แต่เลือกเล่าถึงปัญหาครอบครัวที่ต้องเลือกระหว่างงานกับลูก แม้ประเด็นจะส่งผลกระทบต่อจิตใจตัวละครและน่าเห็นใจ ทว่าไม่มีสิ่งไหนที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือ ยกปัญหาขึ้นมาแล้วยังไงต่อไม่พูดถึงอีกเลย


เช่นกันกับ ลี นัวร์ (Iko Uwais) อดีตตำรวจท้องถิ่นของประเทศอินโดคาร์ได้มามอบตัวพร้อมฮาร์ดดิสก์ โดยในนั้นมีข้อมูลลับบอกที่ตั้งของระเบิด แต่เปิดได้ต้องใช้รหัส แค่ขอให้เขาลี้ภัยไปอยู่ในอเมริกาจะบอกรหัสให้ จากที่เห็นเป็นตัวละครที่โดดมาจากไหนไม่รู้ ทำท่ามีปมบางอย่างให้น่าติดตาม ทั้งที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น เป็นตัวละครลึกลับที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไร้ที่มาที่ไปที่ชัดเจน แต่ไม่มีหนทางเลือกนอกจากต้องยอมเชื่อใจช่วยเหลือ จึงเป็นที่มาของชื่อหนังที่ต้องเดินทาง 22 ไมล์เพื่อส่งให้ทันเครื่องบิน

Mile 22 มีบทที่เทียบเท่าการยิงในหนังที่ไม่ยอมหยุด เพราะเต็มไปด้วยรูพรุนจนว่างพอจะทำอะไรก็ได้ แม้ทุกอย่างจะดูสะเปะสะปะ แต่ยังดูสนุกเพราะฉากแอ็คชั่นและยิงยาวต่อเนื่องแบบไม่พักหายใจ ยิ่งได้ Iko Uwais มาเสริมลีลาบู๊ต่อยเตะช่วยให้มีรสชาติขึ้นมาบ้าง(น่าเสียดายที่เน้นการตัดต่อมากเกินไป บางช่วงแทนที่จะสนุกก็กลายเป็นขัดอารมณ์เสียแทน) โดยรวมสนุกกับฉากแอ็คชั่น ทั้งที่หวังความจริงจังและความเข้มข้นของเนื้อเรื่องมากกว่า

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)