Brightburn (2019) เด็กพลังอสูร

Brightburn (2019)
เด็กพลังอสูร
Director: David Yarovesky
Genres: Drama | Horror | Mystery | Sci-Fi
Grade: C+

เผลอชั่งใจในความแปลก จะเป็นยังไงหากซูเปอร์ฮีโร่สายธรรมะกลายเป็นอธรรม ซึ่งเทียบได้กับซูเปอร์แมนจากตัวละครการ์ตูน DC ที่เติบโตมากับชาวไร่ มีพ่อแม่เลี้ยงดูด้วยการสอนเชิงปรัชญาให้เป็นคนดี จากคำสอนทำให้เติบโตเป็นบุรุษเหล็กพิทักษ์โลก มีพลังที่เกินกว่าใครจะเทียบได้ แล้วหากพลังนั้นไม่ได้อยู่ในมือคนดีจะพลิกสถานการณ์ขนาดไหน แม้อันที่จริงไม่ใช่แนวคิดที่แปลกจนน่าตกใจหรือสดใหม่ไม่ซ้ำใคร แต่คงไม่ดีที่ให้ตัวร้ายเหนือกว่าทุกคนอย่างไม่มีทางสู้


แน่นอนว่าทุกอย่างถอดมาจากซูเปอร์ฮีโร่นามว่า"ซูเปอร์แมน" ตั้งแต่ตกมายังโลกแล้วถูกนำไปเลี้ยง ซึ่งในเรื่องคือ โทริ (Elizabeth Banks) และ ไคล์ (David Denman) คู่รักที่พยายามมีลูกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จากเหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งสองตัดสินใจนำกลับไปเลี้ยงดูประหนึ่งลูกแท้ๆของตัวเอง และตั้งชื่อให้ว่า แบรนดอน (Jackson A. Dunn) ซึ่งคาดหวังว่าเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

บทอ่อนคือปัญหาใหญ่ที่ทลายความน่าดูน่าชมไปกว่าครึ่ง ทุกอย่างดูตรงไปตรงมาเกินไปจนประเด็นที่วางเอาไว้ถูกทิ้งกลางอากาศ ตั้งแต่เริ่มต้นทุกอย่างดูเป็นเรื่องที่มีความสุข มีครอบครัวมีเพื่อนรอบตัว แต่ประเด็นเริ่มเห็นได้จากเพื่อนร่วมห้องบางคนไม่ชอบใจแบรนดอนมากนัก จากตรงนี้คิดว่านำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทว่าประเด็นที่เสมือนตัวจุดฉนวนความไม่พอใจคือเรื่องเล็กอย่างมาก สิ่งที่เปลี่ยนเด็กดีกลายเป็นเด็กก้าวร้าวแท้จริงนั้นทั้งง่ายและรวบรัดจนดูโดดและขัดใจพอสมควร


อันที่จริงสภาพสังคมพอจะบอกอะไรหลายอย่าง สิ่งไหนคือจุดเปลี่ยน สิ่งไหนคือข้อเด่นและข้อด้อย ผิวเผินมีเอาไว้ให้เกือบครบทุกองค์ประกอบ แต่ถึงเวลาต้องใช้กลับทำไม่ถูกและโยนปมต่างๆทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย กระนั้นในข้อเสียที่เห็นบทอ่อนแอทำให้ทุกอย่างดูง่าย ไม่ซับซ้อนแสดงความรู้สึกของตัวละครให้ยุ่งยาก การตัดสินใจแทบจะทำได้ทันที การที่หนังไม่ลีลาวางท่าทำให้การดำเนินเรื่องผ่านไปรวดเร็ว โดยส่วนตัวแทบจะมองเป็นหนังสั้นเสียด้วยซ้ำ

ถึงหลายอย่างจะดูไม่เข้าที แต่บทครอบครัวเห็นได้ชัดถึงความรักที่พยายามเอาใจใส่แบรนดอนมาตลอด กระทั่งแบรนดอนเริ่มรู้จักพลังและมีบางอย่างควบคุมจิตใจเขาที่ทำให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถึงจะไม่เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือต้นกำเนิดที่ไร้คำตอบ มาจากไหนไม่รู้ คือคนจริงหรือเปล่า ทว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่เป็นเด็กจึงเป็นที่รักและได้รับการเลี้ยงดูมาตลอด 12 ปี


สิ่งหนึ่งที่เห็นด้วยคือประเด็นที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะตัวตนของแบรนดอนที่บอกไม่ได้เลยว่ามาจากไหน แล้วไหนจะพลังที่มีกำลังมหาศาลและเหาะได้รวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีในคนปกติอยู่แล้ว จึงเป็นประเด็นความกลัวที่ใครเจอก็ไม่อยากเข้าใกล้ มิหนำซ้ำยังสร้างความหวาดระแวงว่าอาจถูกทำร้ายภายหลังได้อีก สิ่งเหล่านี้ได้สร้างรอยร้าวภายในครอบครัว แม้ปากบอกรักนักรักหนาก็ไม่อาจห้ามความหวาดกลัวไปได้ สะท้อนความจริงใจของมนุษย์โลกที่ไม่เชื่อมั่นและไม่ไว้ใจ

Brightburn (2019) ถึงบทจะดูอ่อนปวกเปียกไปบ้าง แต่ดีที่ไม่ยืดเยื้อเสียเวลา ทำให้ทดแทนข้อเสียที่อยากให้รีบจบโดยไวก็จบได้ตามที่ต้องการ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการใช้พลังเหล่านั้นให้รุนแรงและน่ากลัว ทำให้สภาพหนังยอดมนุษย์กลายเป็นแนวสยองขวัญที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ซึ่งภายใต้ความรุนแรงทำได้โหดไม่เกรงใจสายตาผู้ชม (ฉากบินชนร่างจนเลือดเนื้อและอวัยวะกระจุยกระจายเป็นช่วงที่น่าตกใจและน่ากลัวมาก)


ปล.ในช่วงปีเดียวกันและเวลาไล่เลี่ยกันได้มีซีรีส์ The Boys (2019) เกี่ยวกับกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่พิทักษ์โลก แต่ภายใต้ความยุติธรรมกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวแสนชั่วร้ายและเห็นแก่ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพลังแบบเดียวกับซูเปอร์แมนและใช้พลังแบบไม่เกรงใจใครจะเจ็บหรือตาย ถ้าทั้งสองเรื่องนี้เชื่อมโยงถึงกันจะเซอร์ไพรส์ไม่น้อย แม้ที่สุดจะเป็นไปไม่ได้ในทางเนื้อเรื่อง แต่ทางความคิดคือใช่มากๆ แนะนำให้หามาดูเลยล่ะกัน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)