นาคี 2 (2018)
Director: พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
Genres: Fantasy | Romance
Grade: B-
ตอนเป็นละครช่อง 3 ยอมรับกระแสที่ดังเกินคาดเอามาก แต่ส่วนตัวไม่ได้ติดตามหรือให้ความสนใจมากนัก อนึ่งมองเป็นละครไทยที่น่าจะไม่เท่าไร อาศัยเรื่องพญานาคและความรักเป็นตัวเดินเรื่อง จนได้มีโอกาสดูก็พบว่าสนุกอย่างที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองจริง แม้จะดูบ้างไม่ดูบ้างยังพอเดาทิศทางอยู่ได้เรื่อยๆ ขณะที่ตอนจบเป็นที่พูดถึงกันมาก เพราะเป็นการรวมตัวละครที่เหลือรอดทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน พร้อมกับจบทุกอย่างในตอนนั้นก่อนจะจากไปด้วยความโศกเศร้า
สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคแรกหรือตอนเป็นละครยังพอรู้เรื่องบ้าง แต่อาจจะงงและไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในตอนท้ายที่เฉลยใครคือใคร ซึ่งหนังทำให้เฉพาะคนที่ติดตามเท่านั้น ไม่มีการย้อนความอดีตหรือปรับความเข้าใจ ถ้าพลาดตรงนี้คือหลุดประเด็นในทันที แต่สำหรับคนที่ติดตามมาเป็นอย่างดีย่อมสนุกตามๆกัน ทั้งนี้สิ่งที่หนังเล่านั้นลงตัวง่ายเกินไป ซึ่งแผนเดิมให้ทำละครภาคต่อเปลี่ยนเป็นหนังเพราะอยากให้เติบโตคงเป็นเรื่องธุรกิจซะมากกว่า
ชอบช่วงแรกที่ให้เป็นแนวหาความจริงกับเรื่องเหนือธรรมชาติ มีคนตายเกิดขึ้นแล้วชาวบ้านโยงเข้ากับพญานาค ช่วงเวลาเดียวกันมีคนรุ่นใหม่อย่าง สารวัตรป้องปราบ ผดุงไทย (ณเดชน์ คูกิมิยะ) มาประจำการและตามสืบหาความจริงโดยไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือพญานาค จากประเด็นนี้หากไม่รู้เป็นภาคต่อหรือทำเป็นลืมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะดีมาก เพราะออกแนวลึกลับไขปริศนาพร้อมกับนำประเด็นชาวบ้านมาเติมแต่งให้มีน้ำหนัก พอรู้เป็นภาคต่อและต้องเจออะไรจึงไม่ตื่นเต้นที่จะบอกว่าพญานาคมีจริง
คงปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับนักแสดง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ อุรัสยา เสปอร์บันด์ ที่คู่กันเกือบทุกงานจนเป็นภาพชินตา ทำให้ไม่รู้แปลกในการแสดงของทั้งสองที่เข้าขากันได้ดีอยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจเหนือสิ่งใดคือ CGI ที่สามารถสร้างพญานาค หรือ นาคี ได้เนียนตาและสมจริง เมื่อเทียบกับในละครจะเห็นว่าแตกต่างพอสมควร อีกทั้งยังเป็นการปล่อยของในช่วงท้ายกันอย่างเต็มที่ พลิกจากแนวลึกลับตามไขปริศนาเป็นหนังสัตว์ประหลาดเต็มตัว