Hellboy (2019) เฮลล์บอย

Hellboy (2019)
เฮลล์บอย
Director: Neil Marshall
Genres: Action Adventure Fantasy Horror Sci-Fi
Grade: C

ฉบับผู้กำกับ Guillermo del Toro เป็นสิ่งที่ตราตรึงใจอย่างมาก อุดมด้วยแฟนตาซีที่มืดมนและเล่าเรื่องได้ตื่นเต้นล้นจินตนาการ แต่มีข้อเสียที่ไม่อาจไปได้สุดในความสยองขวัญ ทั้งที่มีตัวประหลาดผิดรูปผิดร่างและเรื่องราวที่น่ากลัว เนื่องจากโดนกั๊กเรทไว้ที่ PG-13 กระนั้นเป็นที่น่าจดจำในหลายๆด้าน แม้จะมีเพียง 2 ภาคเท่านั้น


ของเดิมถึงจะน่ากลัว แต่เป็นเรื่องของรูปลักษณ์และบรรยากาศ คำว่านองเลือดสาดไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่เลยสักนิด ทว่าฉบับรีบูทจัดหนักจัดเต็มจนเกือบเป็นหนังสยองขวัญมากกว่าซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากนรกเสียอีก จากผลงานเก่าๆของผู้กำกับ Neil Marshall จะพบว่าเคยทำ Dog Soldiers (2002) และ Doomsday (2008) ซึ่งไม่แปลกถ้าจะจัดเลือดจัดเนื้อได้เต็มตาซะขนาดนี้

แขน ขา หัว อวัยวะภายใน สมงสมอง ตับไตไส้พุง มีให้เห็นอย่างไม่รีรอ อีกทั้งมีให้เห็นหลายฉากเกือบทั้งเรื่อง สำหรับขาโหดคงสะใจกันไม่น้อย แต่มีอยู่ฉากหนึ่งที่ใส่ไม่ยั้งมือคือฉากเหล่าปีศาจอสูรกายโผล่จากนรก จากนั้นเข่นฆ่าคนบนท้องถนนในแบบต่างๆที่โหดเหี้ยม ไม่ว่าจะฉีกร่าง กระชากเนื้อ ใช้ขาที่แหลมคมเหยียบแทงคนที่วิ่งหนี สมกับเรท R ที่ให้ไว้


ต้องยอมในความสยองขวัญที่เรียกเลือดเรียกเนื้อกันอย่างจุใจ แต่สิ่งที่หายไปคือเสน่ห์ความลึกลับ ความซับซ้อนหรือความหยั่งลึกของเนื้อเรื่องและตัวละครค่อนข้างธรรมดา ยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างศาสตราจารย์บรูม (Ian McShane) และ เฮลล์บอย (David Harbour) ในฐานะพ่อลูกยิ่งจืดชืดและขาดความสำคัญ ทำให้จุดที่ควรจะส่งผลกระทบหรือสะเทือนใจกลับกลายเป็นมักง่าย ไม่รู้สึกตามที่ตัวละครรู้สึกจริง ดังนั้นจึงดูหลอกไร้ความน่าเชื่อถือ ต่อให้พูดคมคายหรือกินใจแค่ไหนก็ดูปลอมในความสัมพันธ์ที่บอบบาง

การรีบูทครั้งนี้มีส่วนผสมระหว่าง Hellboy (2004) และ Hellboy II: The Golden Army (2008) โดยเฉพาะภาคแรกที่ดูจะหยิบยืมมาใช้อยู่ไม่น้อย ทำให้ในความรู้สึกที่ควรจะใหม่ก็ยังเห็นความดั้งเดิมแอบซ่อนอยู่ ส่วนที่ใหม่อย่างเห็นได้ชัดคือนักแสดงที่รับบทเฮลล์บอยคือ David Harbour ที่มาในลุคหน้าโหดกะให้ดูเหี้ยมมากกว่าต้นฉบับ (ส่วนตัวชอบ Ron Perlman คนเดิม แม้จะไม่โหดเท่าก็ยังดูกวนและดูหลากหลายมากกว่า)


ประเด็นวางเอาไว้ชัดเจนระหว่างมนุษย์กับปีศาจจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นได้สะท้อนไปถึงเฮลล์บอยที่อยู่ข้างมนุษย์ทั้งที่ตัวเองเป็นปีศาจ ทว่าสิ่งที่เห็นมีเพียงด้านเดียวเกินไป ทำให้ย้อนแย้งเกี่ยวกับปีศาจที่มีดีกับเขาบ้าง ตอนแรกคิดว่าจบได้ดีและมีมิติมากกว่านี้ แต่เปล่าเลย ใครจะร้ายก็ร้ายอยู่อย่างนั้นแหละ แถมมัดมือชกใส่สิ่งที่คิดว่าเป็นทีเด็ดตอนท้ายหลายอย่างจนไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ จะรีบไปไหนถ้ายังไม่สุดอยู่ก่อนสักอย่าง

สำหรับ Hellboy สิ่งที่น่าจับตามองคือ Milla Jovovich ในบท ราชินีเลือด มีความรู้สึกต้องเป็นตัวร้ายที่น่ากลัว มีเล่ห์เหลี่ยมที่ต้องระวังตัว แต่ถึงเวลาจริงกลับดูตลกและไม่มีมิติใดๆ ฉากนั่งโซฟาดูทีวีเพื่อรอชิ้นส่วนร่างกายแทนที่จะทำให้น่ากลัวจากความแค้น แต่ดูตลกจากความกระเซอะกระเซิงซะอย่างงั้น บทจะดันให้เป็นตัวร้ายก็ร้ายไม่สุด เหมือนตัวหนังที่เน้นบันเทิงแต่แห้งแล้ง

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)