The Chaser (2008) โหด ดิบ ไล่ ล่า

The Chaser (2008) | โหด ดิบ ไล่ ล่า | B+
Director: Hong-jin Na
Genres: Action | Crime | Thriller

1.มันน่าหงุดหงิดนะตอนที่รู้ว่าใครคือฆาตกร แต่ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะไม่มีหลักฐาน แล้วยิ่งกับคนดูอย่างเราๆที่รับชมมาตั้งแต่ต้นยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เพราะรู้และเห็นเกือบหมดทุกอย่าง ประเด็นคือจะยังไงต่อล่ะ ทำอย่างไรไม่ให้คนชั่วลอยนวล


2.สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นการอิงถึงคดีที่เกิดขึ้นจริงในเกาหลีใต้ หรือคดีที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี ซึ่งคนก่อคดีดังกล่าวคือ"ยูยังซอล" ผู้ฆ่าคนเพราะมันทำให้เขารู้สึกดี

3.จุดเริ่มต้นความน่ากลัวเกิดจากความสงสัยของอดีตนายตำรวจอย่าง จุงโฮ (Yoon-seok Kim) ที่ผันตัวเองมาเป็นแมงดาคุมซ่อง มีหน้าที่จัดส่งผู้หญิงให้กับผู้ใช้บริการที่มีความต้องการกามอารมณ์ แต่พักหลังมีผู้หญิงในเครือข่ายหายตัวไป สิ่งที่คิดคือเหล่าโสเภณีถูกชักจูงหรือถูกแย่งตัวไปใช่หรือไม่ ขณะเดียวกันต้องทำเงินบริการลูกค้าส่ง มีจิน (Yeong-hie Seo) ที่สภาพป่วยอ่อนแอและต้องเลี้ยงลูกมาทำงานทดแทนคนที่หายไป ทว่าเมื่อมาเช็คประวัติคนที่โทรมาติดต่อก็พบว่าผู้หญิงที่ไปกับลูกค้ารายนี้ล้วนไม่มีใครกลับมา!


4.ช่วงแรกดูอลหม่านไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร อนึ่งเป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ Hong-jin Na ทำให้ไม่น่าสนใจและไร้เหตุผล จนทุกอย่างเริ่มประติดประต่อทีละนิดทำให้ละสายตาแทบไม่ลง โดยเฉพาะการสร้างความน่ากลัวที่รุนแรงผ่านความคิด ซึ่งไม่มีฉากไหนที่เห็นจะๆเต็มตาว่าทำยังไงไปบ้าง มีเพียงอาวุธที่ถือในมือคือค้อนและสิ่วที่เล็งไปที่หัวเท่านั้น สร้างความหวาดเสียวและลุ้นพอสมควร

5.นอกจากรุนแรงผ่านการกระทำแล้วยังรุนแรงทางด้านจิตใจ มีหลายอย่างที่ขัดใจอยากให้ฆาตกรรับผลกรรมของตัวเอง เพราะสิ่งที่ทำนั้นอำมหิตเลือดเย็นอย่างมาก แต่ไม่อาจทำอะไรได้เพราะไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นถึงทำเป็นยอมรับฆ่าคนก็ต้องปล่อยตัวให้เดินหน้าลอยตาต่อไป นับเป็นช่วงเวลาที่ท้อแท้และหดหู่อย่างมากที่ไม่อาจเอาคืนได้ กลายเป็นช่องโหว่ที่พูดถึงกฎหมายที่ไม่อาจเอาผิดคนทำ แม้จะในความจริงเป็นข้อดีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเสียด้วยซ้ำ


6.ไม่นึกว่า Jung-woo Ha จะรับบทเป็นฆาตกรได้สมบทบาทขนาดนี้ ชนิดที่หน้านิ่งแล้วยังมีแววตาที่เย็นชา จะลงมือฆ่าคนสักคนหรือกี่คนก็ไม่รู้สึกรู้สาใดๆทั้งสิ้น ทำให้เชื่อว่าเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรปล่อยไว้ในสังคม ขณะเดียวกันยังปรับเปลี่ยนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนน่าหมั่นไส้ กลายเป็นตัวละครที่น่ากลัวและน่ารังเกียจในเวลาเดียวกัน

7.มีความรู้สึกที่เหนื่อยกับการหาหลักฐาน ทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ แน่นอนว่าอยากให้เจอโดยเร็วที่สุดเพราะมีตัวละครที่รอการช่วยเหลือ ซึ่งลุ้นอีกว่าจะมีโอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน แต่ขอเตือนไว้ก่อนให้เผื่อใจเอาไว้บ้าง เนื่องจากไม่ใช่ทุกเรื่องจะสมหวังไปซะทั้งหมด แต่ละอย่างล้วนหดหู่และล้าจิตใจ บางทีตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป


8.ไม่มีการเล่าถึงที่มาที่ไปที่ชัดเจนว่าฆ่าไปเพื่ออะไร แม้จะเกริ่นหรือใส่เหตุผลไว้บ้างก็ไม่เพียงพอทำให้ดูน่าเชื่อถือ นอกจากขุดคุ้ยหาประวัติจากเรื่องจริงที่บอกได้ถึงความไม่ธรรมดาและเลวร้ายอย่างมาก แต่ไม่ผิดหากหนังจะเล่าประเด็นนี้ให้น้อยที่สุดเพื่อดูเป็นคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วจู่ๆมาฆ่าคน ทว่าไม่สามารถจับเข้าคุกขณะนั้นได้เพราะไม่มีหลักฐาน ในใจคงรู้สึกเจ็บปวดพิลึกที่ความยุติธรรมไปเข้าข้างคนทำผิด

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)