Rambo: Last Blood (2019) แรมโบ้ 5 นักรบคนสุดท้าย

Rambo: Last Blood (2019) | แรมโบ้ 5 นักรบคนสุดท้าย | C+
Director: Adrian Grunberg
Genres: Action | Thriller

การจะเค้นตัวละคร"จอห์น แรมโบ้"ให้กลับมาอีกครั้งในภาค 5 หลังจากทิ้งห่างจากภาค Rambo (2008) ก็นับว่านานถึง 11 ปี และทุกอย่างดูลงตัวได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นภาคต่อนี้จึงแทบไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ด้วยชื่อเสียงหรืออะไรตามแต่ สุดท้าย Sylvester Stallone ต้องกลับมารับบทนี้อีกครั้ง โดยเรื่องราวมีความแตกต่างจากทุกภาค เพราะนี้คือชีวิตหลังเกษียณที่ไม่มีใครหรือหน่วยงานหรือกองทัพใดเรียกหาอีกต่อไป


ปกติจะคุ้นชินความบ้าระห่ำใน Rambo: First Blood Part II (1985) และ Rambo III (1988) ที่ตั้งใจขายแอ็คชั่น ขณะที่ First Blood (1982) หรือภาคแรกคือการปูพื้นให้ทราบถึงทักษะต่างๆในการเอาตัวรอดและการทำศึกสงคราม ซึ่งประเด็นของชายที่ชื่อแรมโบ้คนนี้คือคนที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ เพราะมีอาการ PTSD หรือ ภาวะความเครียดผิดปกติหลังเหตุสะเทือนใจ (Posttraumatic stress disorder) ในภาคแรกเป็นการนำประเด็นอาการ PTSD มาใช้กับคนที่เคยเข้าร่วมสงครามเวียดนาม ซึ่งต้องผ่านความเลวร้ายมานับไม่ถ้วน แต่ด้วยทักษะและความสามารถที่มีทำให้ตัวเองต้องรอดชีวิตออกไปให้ได้ แม้จะส่งผลต่อจิตใจจากสงครามที่โหดร้ายเกินกว่าที่ฝึกเอาไว้หลายร้อยเท่า นั้นทำให้เกิดแผลในใจ จะใช้ชีวิตแบบคนปกติยังไงในเมื่อสิ่งที่ถูกสอนและใช้ล้วนเพื่อฆ่าศัตรู


ความโหดร้ายของสงครามได้สร้างคนที่น่ากลัวอย่างแรมโบ้ ทว่าเขาเองก็รู้ในสิ่งที่ทำลงไปว่าอันไหนถูกหรือผิด ฉะนั้นความอดทนอดกลั้นคือสิ่งแรกที่ทำ แต่เมื่อความพยายามอดทนนั้นเกินขีดจำกัดจึงกลายเป็นอีกคนที่ทำเพื่อปกป้องตัวเอง แล้วการทำเช่นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อคนที่ไม่เข้าใจหรือเคยสัมผัสมาก่อนว่ารุนแรงและป่าเถื่อน แรมโบ้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ภาพหลอนที่คอยกระตุ้นเร้าอยู่เสมอ ทำให้ต้องเก็บตัวใช้ชีวิตเงียบๆ จนกระทั่งใน Rambo (2008) ต้องนำสิ่งที่ฝึกมาใช้อีกครั้งกับศัตรูที่เขาเองสามารถเลือกยุ่งเกี่ยวหรือทิ้งไว้ข้างหลังได้ สิ่งที่เห็นคือการควบคุมอารมณ์และพร้อมจะยอมรับว่าสามารถนำไปช่วยเหลือคน ไม่ใช่แค่ฆ่าเพียงอย่างเดียว พร้อมกันนั้นเป็นการอำลาความกลัวของตัวเองให้กลับไปบ้านอีกครั้ง เพื่อใช้ชีวิตในวัยเกษียณที่ควรได้มานานแล้ว


Rambo: Last Blood (2019) คือภาคสุดท้ายที่อาจไม่ท้ายสุด เนื่องจาก Sylvester Stallone ยังไม่ยืนยันเต็มปาก เพียงบอกถึงความเป็นไปได้หากหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมก็อาจเกิดภาคต่อได้อีก แต่ยังไงเสียการมีภาคต่อหลังจากนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะชีวิตของแรมโบ้ควรได้รับความสงบสุขเสียบ้าง เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับชีวิตหลังเกษียณของแรมโบ้ในบ้านเกิด ซึ่งเขาได้รับเลี้ยง แกเบรียล (Yvette Monreal) เด็กกำพร้าที่แม่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ขณะที่พ่อทิ้งไปอยู่เม็กซิโก ทว่ามีข่าวพบเจอพ่อทำให้เลือกกลับตามหา แต่กลายเป็นว่าการเจอพ่อครั้งนี้ทำให้ชีวิตของแกเบรียลต้องพบกับความทุกข์ทรมาน ซึ่งนั้นทำให้แรมโบ้ต้องปลุกสัญชาตญาณดิบของตัวเองอีกครั้ง


อย่าคาดหวังให้เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ระห่ำแบบภาคก่อนๆ เพราะครั้งนี้จะเป็นเรื่องของคนที่หันหลังให้กับความวุ่นวาย แยกตัวออกมาใช้วิถีชาวไร่ชาวนา ฉะนั้นเกือบตลอดทั้งเรื่องเป็นการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างแรมโบ้ที่เสมือนพ่อกับแกเบรียลดังลูกแท้ๆ อีกทั้งเป็นการพัฒนาตัวละครแรมโบ้ที่อายุมากขึ้นเป็นในลักษณะไหน มีความสุขุมไม่ใจร้อน ใจกว้างเปิดรับมากขึ้น และเข้าใจสัจธรรมของมนุษย์ ข้อเสียที่เป็นแผลใหญ่ๆคือพล็อตไม่ค่อยมีอะไรสักเท่าไร และตัวร้ายไม่เก่งหรือคู่ควรเป็นคู่ปรับเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เห็นคือการเล่าความสัมพันธ์ให้มากตามด้วยแก้แค้นในตอนจบให้ดุเดือด ดังนั้นมีคนที่ผิดหวังที่รอฉากแอ็คชั่นมันส์ไม่มาสักที ขณะที่บางคนชื่นชมที่เห็นมุมมองใหม่และพัฒนาการมากขึ้น แรมโบ้จึงไม่จำกัดแค่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่คงจะดีหากมีวิธีเล่าเรื่องให้น่าติดตามหรือสร้างปมให้เข้มข้นมากกว่านี้ เหมือนแรมโบ้ข่มใจตัวเองตลอดเวลาแล้วไม่ยอมปลดปล่อยออกมาให้หมด


แม้สไตล์เรื่องแปลกกว่าทุกภาค แต่อย่างหนึ่งที่มีอยู่คืออาการ PTSD ที่ไม่ได้หายจากไปไหน ยังคงเก็บซ่อนอยู่ในใจลึกๆ ไม่ได้ระบายออกมาอย่างไร้สติ แต่ใช้ประโยชน์ด้วยการสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่เหมือนคนบ้าทำ ทำเพื่อฆ่าเวลาและบรรเทาอาการ เนื่องจากเข้าใจประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าตัวเองต้องทำอย่างอื่นให้มากเพื่อลดสิ่งที่ตัวเองฝึกมาเพื่อฆ่า ดังนั้นฉากที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับแรมโบ้ตามตัวแกเบรียลโดยไม่มีแผนอะไรเลยแสดงถึงความเป็นคนธรรมดามากที่สุด มาเพื่อเจรจาเพื่อต่อรอง ไม่มีการตอบโต้ทั้งที่มีทักษะสามารถทำได้มากกว่านั้น ไคล์แม็กซ์เป็นไปตามสูตรสำเร็จที่รู้แน่นอนว่าใครอยู่ใครรอด ทำให้จุดนี้ไม่ได้คาดหวังชะตากรรมของตัวละครสักเท่าไร แต่สิ่งที่ถูกอกถูกใจคือการกลับมาของกับดัก ซึ่งเป็นเรื่องถนัดอย่างหนึ่งของแรมโบ้ ดังนั้นฉากแอ็คชั่นที่ต้องดู Sylvester Stallone ลุยคนเดียวค่อนข้างสมเหตุผลไม่น้อย อีกทั้งการวางจังหวะมีความฉับไวสมการรอคอย ทั้งมันส์ทั้งโหดไม่เกรงใจความรุนแรงให้เห็นกันเลยทีเดียว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)