The Boys (TV Series 2019 - ) | Season 1 | A+
Creator: Eric Kripke
Genres: Action | Crime | Drama | Sci-Fi
ปกติจะคุ้นชินซูเปอร์ฮีโร่กับแอนตี้ฮีโร่ ไม่ขาวก็เทาแค่นั้น ถ้าดำเป็นวายร้ายไปเลย แต่ที่นี่จะไม่เป็นลักษณะนั้นกับซีรีส์นี้ที่ผสมขาวกับดำเป็นเทา แต่เป็นหน้าขาวหลังดำ ไม่ใช่ซูปเปอร์ฮีโร่ผดุงความยุติธรรมมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม แต่ที่ทำเพราะเป็นเรื่องธุรกิจ มีพลังช่วยคนย่อมมีชื่อเสียง สิ่งที่ตามมาคือช่องทางทำกินที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ต่อหน้าพวกเราช่วยคุณ แต่เบื้องหลังมันคืองาน จะอยู่หรือตายเป็นอีกเรื่อง แสดงให้เห็นว่าทำเต็มที่ก็ซื้อใจประชาชนได้แล้ว
ด้วยสเกลพลังและมาเป็นทีมขนาดนี้ ใช่แน่นอน! ล้อเลียนทีมจัสติซ ลีก ของค่าย DC ที่ประกอบไปด้วย ซูเปอร์แมน ,เดอะ แฟลซ ,อควาแมน ,วันเดอร์ วูแมน ฯลฯ ซึ่งเป็นการถอดแต่ด้านมืด แทบจะหาช่องทางสว่างได้น้อยถึงน้อยที่สุด ภายนอกดูดีมีสง่าสร้างความประทับใจแก่ประชาชน แต่นอกเวลาคืออีกคนที่เป็นตัวตนจริงๆ มีหลายสารพัดรูปแบบที่ไม่อยากเชื่อสายคือซูปเปอร์ฮีโร่ที่น่าเชิดชู
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะคล้อยตามซูเปอร์ฮีโร่ที่มีดีแค่เปลือก จุดเปลี่ยนเริ่มที่ ฮักกี้ แคมป์เบล (Jack Quaid) เขาคือคนที่เดินคุยกับแฟนอยู่ดีๆแล้วแฟนต้องจากเขาไปต่อหน้าต่อตา นั้นเพราะถูกลูกหลงจากหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ชนเข้าอย่างจังจนร่างเละแตกละเอียด (โหดมาก) การตายของแฟนที่จากไปอย่างไม่ทันตั้งตัวจึงผูกใจเจ็บอยากแก้แค้น ทำให้เขาได้ร่วมทีมกับ บิลลี่ บุชเชอร์ (Karl Urban) ที่อยากจะจัดการซูเปอร์ฮีโร่จอมปลอมเหล่านั้น
The Seven คือชื่อกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ที่นำโดย โฮมแลนเดอร์ (Antony Starr) มีพลังที่เป็นได้ทุกอย่างของ ซูเปอร์แมน จากค่ายดีซี ความไม่ธรรมดาคือการเป็นตัวละครคาดเดาได้ยาก เป็นขวัญใจประชาชนตลอดเวลาจากสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้แต่เขาทำสำเร็จ แต่ลึกๆแล้วเป็นคนหัวแข็ง มักจะหาที่ระบายความอัดอั้นอย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญอย่าได้หาความจริงใจ เพราะการช่วยเป็นเพียงงานเท่านั้น ไม่ได้สนวิธีการใดๆ ทำให้จบๆเท่านั้นพอ
นอกจากนี้ยังมี ควีนเมฟ (Dominique McElligott) ที่ถอดมาจาก วันเดอร์วูแมน อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีมีคุณธรรม แต่โลกที่ตัวเองอยู่นั้นทำให้ตัวเองไม่สามารถเป็นได้อย่างใจหวังและหมดไฟทำตามใจที่ต้องการ อีกคนที่โดดเด่นอย่างมากคือ เดอะดีป (Chace Crawford) หรือเทียบกันแล้วคือ อะควาแมน แต่เป็นเวอร์ชั่นหื่นกาม พิศวาสได้แม้กับปลา (?!) แต่ไม่รู้ทำไมชะตาชีวิตชอบเล่นตลกร้ายอยู่เสมอ ทำให้เป็นตัวละครที่รังเกียจและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
แต่เรื่องของเรื่องจะไม่เกิดขึ้นหากไม่ใช่เพราะ เอ-เทรน (Jessie T. Usher) หรืออีกด้านหนึ่งคือ เดอะแฟรช กับพลังการวิ่งที่รวดเร็ว ซึ่งการใช้ชีวิตไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะสร้างความผิดพลาดเอาไว้หลายอย่าง จากปัญหามากมายจึงกลายเป็นตัวเชื่อมโยงถึงประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ที่น่ากลัวคือ ทรานลูเซนต์ (Alex Hassell) มนุษย์ล่องหนที่ชอบแก้ผ้าเพื่ออ้างว่าตัวเองต้องการใช้พลัง แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามไม่ต่างกับโรคจิตคนหนึ่งที่แอบตามเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่รู้ตัว และสุดท้ายคือ แบล็กนัวร์ (Nathan Mitchell) ซูเปอร์ฮีโรชุดดำสุดปริศนาที่น่าจะอ้างอิงเป็น แบทแมน ซึ่งตลอดทั้งเรื่องไม่สามารถคาดเดาใดๆจากตัวละครนี้ได้เลย เพราะจะมาก็มา จะหายก็หายไปเลย ลึกลับจนเหมือนถูกลืม
พล็อตเรื่องมีความแปลกอยู่บ้าง เพราะเป็นเรื่องของกลุ่มคนธรรมดาตั้งทีมจัดการซูเปอร์ฮีโร่ เนื่องจากเนื้อแท้ของซูเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด แต่ละคนมีความเลวต่ำทราม มีเบื้องหลังเรื่องชั่วๆหลายอย่าง ซึ่งหนังเล่าอย่างไม่ประนีประนอมถึงด้านมืดเหล่านั้น มิหนำซ้ำยังซ้ำเติมถึงความเหนือกว่าที่คนธรรมดาทำไม่ได้ แต่พวกเขาเหล่านี้มีพลังจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการ
การมีพลังไว้ช่วยคนกลายเป็นความคิดตื้นๆ เช่นเดียวกับ แอนนี่ แจนยัวรี่ (Erin Moriarty) ที่อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในสังกัดเพื่อช่วยเหลือคนกำจัดคนร้ายอย่างเต็มที่ แต่พอได้รับการคัดเลือกก็พบสิ่งที่อยู่ใต้หน้ากาก ไม่ใช่ทุกคนจะดีอย่างที่แสดงให้ประชาชนหรือโลกเห็น นิสัยใจคอที่แสดงออกมาล้วนตรงข้ามผิดกับที่นำเสนอ สิ่งที่ทุกคนส่วนใหญ่เห็นคือการแสดง คือความดีงามที่ตัดสินใจด้วยการกระทำ หาได้รู้จิตใจที่ทำอยู่นั้นคนละเรื่อง
การแบ่งจุดเด่นของสองฝั่งระหว่างคนอยากกำจัดซูเปอร์ฮีโร่กับน้องใหม่ที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ ช่วยการันตีความดีและความชั่วได้อย่างไม่มีข้อกังขา ความจริงล้วนเละเทะ มีความจริงไม่กี่เรื่องและเปิดเผยเท่าที่แต่งให้เท่านั้น ห้ามเล่นนอกบทเพราะมีผลต่อเสียงประชาชนที่อาจเปลี่ยนมุมมองไปได้ ส่วนความจริงที่ซ่อนอยู่นั้นเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์พอสมควร โดยเฉพาะที่มาของพลังคือเรื่องไม่ธรรมดา
ต้องบอกเลยว่าเป็นซีรีส์ที่สนุกและมาแหวกกระแสหนังซูเปอร์ฮีโร่อยู่ไม่น้อย มีการวางปมที่ประติดประต่อได้เพลิดเพลินและจริงจัง ใช้ประโยชน์จากตัวละครได้อย่างมีเสน่ห์ (ไม่ใช่ชอบหรอกนะกับซูเปอร์ฮีโร่แบบนี้ แต่ดูเป็นจริงและใกล้เคียงความเป็นเนื้อแท้มนุษย์) ใครจะสว่างหรือดาร์คแค่ไหนค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่เริ่มตอนแรก คือความสุดกู่ที่ไปได้สุด มีความจี้ใจดำและตรงไปตรงมาในรูปแบบด้านมืดของมนุษย์จริงๆ จะคนธรรมดาหรือซูเปอร์ฮีโร่จะต้องมีความเห็นแก่ตัว มีด้านชั่วร้ายที่อยากใช้อยากระบายออกมา แล้วเมื่อได้ใช้ไปเกิดมีความสุขและเหนือกว่าก็ยากจะปฏิเสธอีกต่อไป