Basket Case 2 (1990) | มันแอบอยู่ในตระกร้า 2 | C+
Director: Frank Henenlotter
Genres: Comedy | Horror
ภาคต่อที่ทิ้งห่างจากภาคแรก 8 ปี แต่เล่าเรื่องต่อเนื่องติดกัน ทำให้นักแสดงอาจดูผิดหูผิดตาไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งเรื่องจะพูดถึงหลังจากที่ ดเวน (Kevin Van Hentenryck) กับพี่ชายที่เป็นก้อนเนื้อมีชีวิตตกลงจากอาคาร จากตอนจบนั้นทำให้คิดว่าเป็นโศกนาฏกรรมด้วยการจบชีวิตทั้งคู่ ทว่าพวกเขากลับรอดมาได้ แล้วยังเป็นที่ตื่นตาของประชาชนจนเป็นที่ต้องการของสื่อที่อยากเจอตัวมากที่สุด อีกทั้งยังมีคดีเก่าฆ่าคนอีกด้วย
แต่โชคเข้าข้างเมื่อได้รับการช่วยเหลือจาก ป้ารูธ (Annie Ross) ผู้ที่คอยอุปถัมภ์ตัวประหลาดที่สังคมไม่ต้องการ รวมถึง ซูซาน (Heather Rattray) ลูกสาวของเธอที่ต้องการเชื้อเชิญเข้าร่วมกลุ่มบางอย่างเพื่อให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ ทว่าเมื่อ ดเวน และพี่ชายของเขา กลายเป็นข่าวดังของสื่อทำให้ถูกตามสืบจากนักข่าวเพื่อนำไปเขียนข่าวเกี่ยวกับตัวประหลาด ทำให้สร้างความไม่สงบจนต้องช่วยกันวางแผนให้หลาบจำ
อันที่จริงแค่ภาคแรกภาคเดียวแค่นั้นน่าจะพอแล้ว พอสร้างต่อจึงเหมือนปลุกคนตายให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง (ในภาคแรกไม่ได้บอกว่าตาย เพียงตกตึกแค่นั้น) ซึ่งเนื้อเรื่องจะเล่าไปในทิศทางไหนต่อล่ะ เมื่อภาคแรกมาเพื่อแก้แค้นเท่านั้น ยังมีใครให้ต้องฆ่าต่ออีก หรือเปลี่ยนเป็นแนวดราม่าการใช้ชีวิตของคนไม่ปกติ คงจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้กับสิ่งที่ให้มา ดังนั้นเมื่อคัลท์แล้วจะขอคัลท์ให้มากกว่าเดิมจะเป็นไรไป ใส่ตัวประหลาดให้ยิ่งกว่าและมากกว่าเดิมซะเลย
ภาคแรกเป็นหนังสยองขวัญสะท้อนมุมมองของคนที่ไม่สมประกอบ แม้จะมีตลกร้ายบ้างยังไม่ถึงกับหลุดโทน ซึ่งภาคต่อทำท่าคล้ายเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ลดความโหดให้น้อยลงด้วยการทำให้ดูมิตรภาพมากขึ้น เพิ่มตัวละครหน้าใหม่ที่ประหลาดและเพี้ยนยิ่งกว่าเดิม ทำให้ไม่ต้องมีฉากสยองขวัญก็น่ากลัวผ่านตัวประหลาดที่รูปร่างหน้าตาผิดมนุษย์มนากันอย่างสุดๆ
ข้อได้เปรียบชัดเจนอย่างหนึ่งคือเทคนิคพิเศษที่ทำได้เนียนกว่าภาคแรก ไม่ดูเป็นตุ๊กตาหุ่นยางจนเกินไป สามารถขยับและใส่อารมณ์ได้ลึกซึ้งกว่า ไม่แปลกใจที่จะขยายเพิ่มตัวประหลาดเพราะได้ทุนสร้างเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการปลดปล่อยพลังจินตนาการ ดังนั้นหากคิดว่าก้อนเนื้อหรือเนื้องอกมีชีวิตว่าแปลกแล้วยังมีที่พิศดารกว่านั้นอีก ซึ่งแต่ละอย่างทั้งแปลกและประหลาดจนไม่คิดว่าจะมีอยู่ได้
Basket Case 2 (1990) ภาคต่อที่เพิ่มความพิศดาร แต่ลดความสยองขวัญให้รุนแรงน้อยลง ทำให้ดูไปเรื่อยๆไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือลุ้นแบบภาคแรก มีความแปลกตาตอนแนะนำกลุ่มตัวประหลาดที่นึกไม่ออกจริงๆว่าเกิดมาในลักษณะไหน ส่วนประเด็นต้องการจะบอกถึงการเคารพสิทธิ์ แม้จะเกิดมาแปลกกว่าคนปกติก็ใช่ว่าจิตใจจะผิดเพี้ยนตามไปด้วย มีความต้องการความอบอุ่นและคนที่เข้าใจไม่ต่างกัน