Kingdom (TV Series 2019 - ) | ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด | Season 2 | B+
Genres: Action | Drama | History | Horror | Thriller
การหาแหล่งต้นตอของการเป็นซอมบี้มาจากพยาธิหรือปรสิตเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นทำการควบคุมร่างกายประหนึ่งสัตว์ป่ากระหายเลือด ด้วยเหตุนี้ทำให้พบข้อเท็จจริงหลายประการที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง โดยจุดเริ่มต้นมาจากเนื้อของศพที่ถูกกัดมาประกอบอาหาร แน่นอนว่าเรื่องกลางวันกลางคืนถูกเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิแทน ซอมบี้หรือปรสิตมีความกลัวต่อไฟและน้ำ แต่ประเด็นคือจุดเริ่มต้นในซีซั่นแรกที่นำเนื้อมาต้มแล้วแจกจ่ายให้ชาวบ้านกินกลับกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งฉากนี้บอกได้ดีเกี่ยวกับความอดอยากและความหิวโหย จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่าเนื้อที่นำมาปรุงอาหารยังไม่สุกหรือใช้อุณหภูมิที่สูงพอ เนื่องจากชาวบ้านต่างอดทนรอต่อไปไม่ไว ในทางกลับกันเป็นภาพสะท้อนการบริโภคแบบผิดๆด้วยอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือไม่สะอาดเพราะติดเชื้ออีกด้วย
การนำพยาธิหรือปรสิตมาเป็นเหตุผลการเป็นซอมบี้นั้น มีความสมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย แต่ประเด็นคือเจ้าปรสิตนี้เป็นแบบไหน ระหว่าง Intermediate host และ Accidental host จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ยากที่จะตอบว่าเป็นตัวเลือกหลังแน่ๆ เนื่องจากไม่ใช่สิ่งที่เข้ามาอยู่ในร่างกายเพื่ออาศัยแค่นั้น แต่รวมถึงควบคุมและยึดครองอีกด้วย ทว่ายังมีอีกอย่างที่เกิดขึ้นในทำนองนี้คือ Zombie Snail หรือการที่หอยทากถูกปรสิตยึดครอง ทำให้ดวงตาโปนมีวงแหวนสีเขียวสลับขาว หรือสีใดๆก็ตามให้เป็นจุดเด่น เกิดจากการที่หอยทากไปกินมูลของนกที่มีไข่ปรสิต Distome เมื่อปรสิตฟักตัวจะชอนไชไปที่กระบอกตา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อล่อให้นกมากิน เป็นวัฏจักรธรรมชาติเช่นนี้ แล้วกับคนที่ยืนบนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารล่ะ แน่นอนคำตอบนี้ได้จากทุกตอนที่วิ่งไล่กัดกินพร้อมกับขยายพันธุ์อีกด้วย
ตอนที่ไขปริศนาถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของปรสิตทำให้เห็นข้อสงสัยหลายอย่าง ซึ่งเนื้อหานั้นบอกย้ำว่าไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีความลับที่ต้องหาคำตอบ ไม่งั้นทำไมเลือดที่ทะลักหรือกระเด็นใส่คนที่ไม่เป็นซอมบี้จึงไม่เกิด Side effect อะไรเลย หากปรสิตอาศัยอยู่ตามร่างกายแล้วเป็นไปไม่ได้หรือที่จะหลุดออกมาด้วย เป็นข้อสงสัยที่อาจต้องหาคำตอบในซีซั่นถัดไป หรืออาจเป็นความละเลยเพื่อสร้างสถานการณ์เท่านั้น ในส่วนของซอมบี้มีความกระจ่างมากขึ้น แต่เรื่องการเมืองการชิงบัลลังก์มีความอ่อนลง ไม่เข้มข้นอย่างที่ซีซั่นแรกวางปมเอาไว้ซะดิบดี ซึ่งคงมาจากความมีแค่นี้ ไม่ได้ผูกหรือขยายไปยังเนื้อหาอื่น ทำให้เนื้อเรื่องไม่ขยับเท่าไรนัก มีเพียงการแก่งแย่งโดยอาศัยท้องปลอมๆจากลูกคนอื่น น่าเสียดายที่ตัวร้ายไม่อาจร้ายที่สุดทั้งที่ปูทางวางแผนรอบคอบ แค่ผิดพลาดนิดหน่อยก็หน้ามืดคิดแผนอื่นไม่ได้แล้ว
เดิมคิดเสมอว่าขุนนางโจฮักจู (Seung-ryong Ryu) คือคนที่น่ากลัว มีแผนในใจอยู่เสมอไม่ว่าสถานการณ์ไหน แต่เหมือนความเก่งในซีซั่นแรกทำให้ตัวเองเด่นเกินไป พอซีซั่นถัดมากลับด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแผนสำรองหรือรู้หมดทุกอย่าง พลิกผันชัดเจนจนดูเป็นการตั้งใจดัน พระมเหสี (Hye-Jun Kim) ให้ออกมาเด่นและร้ายลึก ซึ่งตลอดทั้งเรื่องเก็บงำอารมณ์ตลอดเวลา ผิดกับการกระทำที่โหดร้ายไม่สัมพันธ์กับรอยยิ้มบนหน้า สิ่งที่ยังเป็นจุดแข็งของซีรีส์คือความไวของการเล่าเรื่อง และคัดกรองแต่เนื้อหาหลักเพียงอย่างเดียว ทำให้ตั้งใจจดจ่อในทิศทางเดียวกันชัดเจน อีกทั้งแอ็คชั่นเพิ่มขึ้นจนบางครั้งความสยองเปลี่ยนเป็นความบู๊ซะแทน สำหรับตอนสุดท้ายเป็นตอนที่ลุ้นที่สุด เนื่องจากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น รวมไปถึงการเกริ่นในซีซั่นหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่ขยายมากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งหมดทั้งมวลยังคงน่าติดตามเช่นเคย