A Classic Horror Story (2021) | สร้างหนังสั่งตาย | B-
Director: Roberto De FeoPaolo Strippoli
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
เห็นชื่อหนังแล้วตะหงิดชอบกล เหมือนกำลังจะบอกหรือล้ออะไรอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเห็นชัดจากบรรยากาศลึกลับว่าเป็นหนังสยองขวัญแน่นอน ซึ่งต้นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางของคน 5 คนที่ไม่รู้จักกันเพื่อเดินทางติดรถตามประสานักท่องเที่ยว ทว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ซึ่งนั้นทำให้เจอกับลัทธิประหลาดที่พวกเขาต้องหนี
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
อยากบอกว่าสปอยด์แปะหัวไว้ก่อนเพราะบอกอะไรไปก็เหมือนเฉลยแล้วระดับหนึ่ง โดยเฉพาะชื่อหนังที่ต้องการสื่อความดั้งเดิมของหนังสยองขวัญ ซึ่งจะเห็นได้จากการเล่าเรื่องที่เข้าจังหวะได้หมด ทุกอย่างมาสูตรตายตัวคือเดินทางไปที่ไหนสักที่แล้วเกิดอุบัติเหตุ จากนั้นไม่สามารถไปได้ต่อจนต้องหาความช่วยเหลือแล้วไปเจอกับบางสิ่งที่เป็นต้นเหตุความสยอง
ทุกอย่างเซ็ทมาครบเครื่องมากๆ โดยเฉพาะการทำให้เชื่อเกี่ยวกับลัทธิที่ปูรายละเอียดหลายอย่างจนนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่เหนือไปกว่านั้นคือการหักปากกาเซียนจากอีกเรื่องไปสู่อีกเรื่องหนึ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือสูตรหนังสยองขวัญ จะทำยังไงให้หลุดจากกรอบหนังสยองขวัญที่มักนำไปเปรียบเทียบยุค 80s-90s ตลอดเวลา
การพลิกแพลงบทหนังทำให้ตะลึงไปชั่วคราวเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในลักษณะนั้นก็ได้ แต่เลือกจะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งแบบไม่แคร์คนดู ซึ่งนั้นทำให้เกิดดาบสองคมระหว่างดีและแย่ สำหรับมุมดีคือการพัฒนาให้มากกว่าหนังสยองขวัญทั่วไป การใช้ชื่อ A Classic Horror Story ก็เพื่อล้อธรรมเนียมหนังสยองขวัญ ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นไปสูตร แต่จะเป็นยังไงหากเกิดการบิดเบือนขึ้นกลางคั่น
ทว่าการปรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากเดิมเป็นอีกอย่างทำให้เกิดข้อเสียที่เหมือนกระชากอารมณ์คนดู อุตส่าห์ตั้งเป้าเอาไว้อย่างนั้น แต่ดันจบอีกแบบที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น อย่างเรื่องลัทธิฆ่าคนเพื่อบูชาปีศาจที่ปูทางมาซะลึกลับและน่ากลัว แต่กลายเป็นกองถ่ายหนังที่ใช้คนจริงมาฆ่าหน้ากล้อง ทำให้เรื่องลัทธิที่เล่ามาก่อนหน้านี้ไร้ความหมายไปเลย
ความสนุกอย่างหนึ่งคือการชวนระลึกถึงหนังสยองขวัญเก่าๆยุค 80s-90s ทั้งพล็อตเรื่องคนแปลกหน้ากับการเดินทางในต่างถิ่น บ้านพักปริศนา ลัทธิบูชาปีศาจ มิติตัวละคร และอีกมากมายที่พอจับไต๋ได้บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้หนังสนุกขึ้นในบทสรุปตอนท้ายที่ว่าทำไปเพื่ออะไร
นอกจากล้อขนบธรรมเนียมหนังสยองขวัญก็ไม่พ้นเรื่องสัญชาติ โดยเฉพาะอิตาลีที่หนังต้องการสื่อว่าหนังสยองขวัญอิตาลีมีคุณภาพต่ำ ไม่เป็นที่ต้องการในกลุ่มหนังสยองขวัญที่ต้องการโหดถึงใจ ทำให้เกิดเหตุการณ์ในหนังที่ต้องการยกระดับมาตราฐานตัวเองให้สูงขึ้น (อันที่จริงแล้วหนังสยองขวัญสัญชาติอิตาลีมีความโหดพอสมควรเลยนะ แต่มักไม่เป็นที่สนใจจึงถูกมองข้าม)
ความไม่แคร์กับการพลิกบทอาจจะสดใหม่ (นิดนึง) แต่มีปัญหาถึงความสะใจที่ไม่อาจไปได้สุดเกี่ยวกับการเอาคืน หรืออีกนัยเป็นการสะท้อนอีกมุมที่ยังเรียกความบันเทิงได้ไม่เต็มอิ่ม น่าเสียดายที่บรรยากาศเป็นใจพอสมควร แต่ดึงศักยภาพตรงนั้นมาไม่สุด ทำให้หนังจบไปพร้อมกับอารมณ์ค้างคา คงจะบันเทิงกว่านี้ ถ้าสานต่อเรื่องราวเพิ่มอีก หรือการเล่ามากกว่านี้คงจะเกินชื่อหนังกลายเป็นอีกยุคสมัยไปกระมั้ง