The Suicide Squad (2021) | เดอะ ซุยไซด์ สควอด | A
Director: James Gunn
Genres: Action | Adventure | Comedy | Sci-Fi
ส่วนตัวเชื่อว่า Suicide Squad (2016) ของผู้กำกับ David Ayer จะต้องมีฉบับที่ดีกว่านี้ แม้จะถูกปฏิเสธเกี่ยวกับการตัดต่อที่ไม่มีฉบับอื่นอีกแล้ว ซึ่งน่าเสียดายหากมีสิ่งที่ดีกว่านั้น แต่ถ้านี้คือที่สุดคงต้องยอมรับความจริงว่าหนังทำได้สนุกระดับกลางๆ การเล่าเรื่องค่อนข้างธรรมดา สิ่งที่ทำให้เด่นและน่าจดจำคือคาแรคเตอร์ตัวละครที่พยุงหนังให้รอดพ้นน้ำอยู่บ้าง
อาจเพราะภาคแรกไม่ได้รับการตอบรับดีเท่าที่ควร แม้จะมีหลายอย่างชวนน่าจดจำ (ทั้งทางดีและแย่) ทำให้ภาคต่อไม่ต่างกับการรีบู้ทที่ยึดโครงสร้างเดิมเกี่ยวกับเหล่าร้ายมาร่วมภารกิจกับรัฐบาล ซึ่งใครหนีหรือทำพลาดมีสิทธิ์ถูกระเบิดหัวจากไมโครชิพที่ฝั่งเอาไว้ การไม่ใช้ชื่อภาคต่อด้วยเลข 2 แต่เป็น The นำหน้าชื่อหนังแสดงให้เห็นว่านี่แหละที่เจ๋งกว่าเยอะ
พล็อตรวมเหล่าร้ายทำให้ตัวละครที่ถูกลืมหรือไม่ดังในคอมมิคกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ซึ่งยอมรับแหละว่าบางตัวละครค่อนข้างไร้ประโยชน์ในทางปฏิบัติจริง (เห็นได้จากทักษะดีแต่ใช้ได้ห่วย) แล้วในความไม่ได้เรื่องได้ราวทำให้เป็นมุกขำขันออกมาในทางตลกร้ายที่ไม่รู้จะสงสารหรือหัวเราะดี แต่เพราะเป็นตัวร้ายระดับล่างเป็นส่วนใหญ่ หากจะตายก็ไม่รู้เสียดายอยู่ดี
ตัวละครมีไม่น้อยเพราะเป็นการรวมทีมเหล่าร้าย โดยหนึ่งในความสนใจที่เรียกแรงดึงดูดได้มากคือ ฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่ยังคงให้นักแสดง Margot Robbie รับบทนี้ต่อ (แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาแทนได้อีกเพราะเป็นคนที่มี Sex appeal สูงมากและเข้ากับคาแรคเตอร์สุดๆ) โดยในเรื่องยังคงความแสบและทีเด็ดเช่นเคย
คนที่น่าสนใจจริงๆคือนักแสดง John Cena ในบท พีซ เมคเกอร์ (คุ้นเคยกันดีกับเพลงที่ร้องว่า"ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น" ไม่ใช่ล่ะ) สาเหตุที่สนใจคือจะมาทิศทางไหนกันแน่ เพราะตามคอมมิคไม่เชิงเป็นตัวร้ายแต่ออกเทาๆ โดยมีคติเรื่องสันติภาพที่ทำได้ทุกอย่าง แต่พอได้สัมผัสก็พบว่าเป็นตัวละครที่เก่งเอาเรื่องแถมไม่จืดจางเพราะแอบทำตลกพอสมควร
Idris Elba รับบทเป็น บลัดสปอร์ต หรืออีกคนหนึ่งที่เกือบฆ่าซูเปอร์แมนได้สำเร็จ พอได้ยินแบบนั้นทำให้สงสัยความเก่งที่ไม่รู้โม้หรือจริง เนื่องจากเป็นแค่คนธรรมดาที่มีทักษะการใช้อาวุธได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งไม่ต่างกับตัวละครคนธรรมดาคนอื่นที่เก่งเรื่องอาวุธ แต่ที่เด่นกว่าคือการใช้อาวุธราวกับของเล่นที่เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวดัดแปลงเป็นอย่างอื่น ทำให้การพลิกแพลงสูงมากๆ ฉากไหนตัวละครนี้บู๊จะดูเพลินเป็นพิเศษ ที่สำคัญคล้าย เดดช็อต ที่นักแสดง Will Smith เล่นไว้ใน Suicide Squad (2016) โดยเดิมที Idris Elba จะเล่นเป็นบทนี้เสียเอง แต่ต้องเปลี่ยนเผื่ออนาคตให้ Will Smith กลับมาอีกครั้งในบท เดดช็อต
อันที่จริงไม่มีอะไรต่างไปจากภาคแรก (มั้ง) ทั้งพล็อตเรื่องเดิมและอารมณ์ที่คล้ายคลึงกัน ทว่าการถ่ายทอดทำได้สนุกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดย Suicide Squad (2016) ทำให้ดูดาร์คผสมกับตลกร้าย (นิดหน่อย) ซึ่งดูจริงจังและดูพยายามมากไปหน่อย ขณะที่ The Suicide Squad (2021) ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมเอาไว้ โดยลดความดาร์คที่ไกลตัวมาเป็นใกล้ตัว ทำให้ความรุนแรงที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดาแม้จะหัวขาดตัวเละไส้ทะลักก็ตาม รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ลงตัวอย่างไม่ต้องพยายามให้ดูเยอะ
อีกประเด็นคือมุกตลกที่มีหลายระดับจนกลายเป็นหนังที่ดูกันเอง ต่อให้มีความรุนแรงมากแค่ไหนก็ยังแฝงความน่ารักน่าเอ็นดู อย่างตัวละคร คิงชาร์ค ที่แม้จะดูน่ากลัวตั้งแต่ชื่อ แต่พอได้สัมผัสจริงจะพบว่าเป็นมนุษย์ฉลามที่เปราะบางเหมือนเด็กน้อย บอกอะไรก็ว่านอนสอนง่ายโดยเฉพาะเรื่องกิน ซึ่งรวมๆแล้วเป็นอีกความน่าจดจำจากหลายรสชาติที่หนังทำได้และดีพอตัว