Shadow in the Cloud (2020) | ประจัญบาน อสูรเวหา | B+
Director: Roseanne Liang
Genres: Action | Horror | War
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
ถ้าหนังไม่ทิ้งประเด็นในต้นเรื่อง คำถามจะเกิดตลอดทั้งเรื่องจนจบว่าสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกเหมือนหนูบินได้คือตัวอะไร ซึ่งนับว่ายังใจดีที่เฉลยให้คนดูเข้าใจ (บางคนไม่รู้อะไรเลย) เพราะตัวนั้นคือ"เกรมลิน"หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ้าตัวปัญหาที่ถูกทหารนำมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบหรือข้อผิดพลาด
เริ่มต้นด้วยการ์ตูนที่มีทหารนอนอู้งาน ซึ่งนำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน โดยมีความเกี่ยวข้องเรื่องสภาพเครื่องบินที่ขาดการดูแลรักษา แต่โยนความผิดให้"เกรมลิน"ที่คอยพังหรือรบกวน แม้เป็นเพียงข้ออ้างลอยๆที่ไม่มีอยู่จริง ทว่าถ้ามีอยู่จริงจะเกิดอะไรขึ้น
แม้จะไร้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับ"เกรมลิน"ที่ปรากฏในหนัง แต่การเปรียบเทียบมีความชัดเจนถึงตัวตนที่ต้องการสื่อถึงความผิดพลาดหรือความเสียหาย อีกทั้งยังชอบเรียกว่าหนูเพราะเป็นสัตว์เจ้าปัญหาที่ชอบกัดสายไฟ ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความประมาทที่ไม่ตรวจเช็คสภาพให้ดีก่อนขึ้นเครื่อง
คตินิยมสิทธิสตรี หรือ สตรีนิยม (Feminism) คือประเด็นคำโตที่หนังเล่าได้แรงมากในองค์แรก โดยให้ ม็อด กาเร็ตต์ (Chloë Grace Moretz) ตัวละครหญิงขึ้นเครื่องบินที่เต็มไปด้วยทหารชาย ทว่าไม่มีใครยอมรับความเป็นเพศหญิงที่สามารถเป็นทหารได้เลย อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ให้จำกัดในห้องปืนเท่านั้น
สำหรับช่วงแรกเป็นการกีดกั้นระหว่างเพศชายและเพศหญิงที่แสดงทัศนคติแย่ๆออกมา โดยเพศหญิงถูกมองเป็นเพศเจ้าปัญหา ระหว่างนั้นเพศชายในเรื่องจะพูดถึงในทางลบและไม่ให้เกียรติ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินก็มีแต่เรื่องเซ็กซ์ที่หวังแอ้มตลอดเวลา ทำให้เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและแสนทุเรศกับตัวละครชายที่พูดในลักษณะเช่นนั้น
วิธีการเล่าเรื่องจะเน้นให้นักแสดง Chloë Grace Moretz โชว์อยู่คนเดียวเป็นหลัก ทำให้ตลอดทั้งเรื่องมีความโดดเดี่ยวจากความเป็นผู้หญิงคนเดียว การพึ่งพาคนอื่นคงไม่สามารถทำได้จากคำพูดที่ดูถูกดูแคลนซะขนาดนั้น อีกทั้งเป็นการเอาคืนในลักษณะที่ทำได้ดีไม่น้อยไปกว่าผู้ชายหรือเหนือกว่าด้วยซ้ำ
ลักษณะเหมือนหนังดูมั่วดูไม่สอดคล้องต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะว่าคัลท์ไหม ส่วนตัวยังมองว่าไม่คัลท์ถึงขนาดเฉพาะกลุ่มขนาดนั้น เนื่องจากเนื้อหาไม่ได้สร้างปริศนาที่ไร้คำตอบซะทีเดียว อันที่จริงการมีตัวตนของ"เกรมลิน"ไม่ต่างกับด้านที่แย่ของผู้ชาย การมีตัวละครหญิงเพียงคนเดียวที่สามารถทำได้ทุกอย่างจนเป็นหญิงสุดแกร่งคือศัตรูของเกรมลินนั้นเอง
การเล่าเรื่องอาจจะสั้นไปสักหน่อย แต่เทียบกับสเกลเพียงน้อยนิดก็นับว่าสร้างความแปลกใหม่และสนุกไม่ใช่น้อย อันที่จริงไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีเกรมลินปรากฏในหนังเลย จากอุปกรณ์ที่พังน่าจะเป็นการเปรียบเปรยที่ไม่ยอมโทษตัวเองนอกจากเกรมลินแค่นั้นจริงๆ นอกจากนี้คือแอ็คชั่นที่โม้และมันส์จนคิดว่าหนังสงครามน่าจะมีการใช้จังหวะสนุกแบบนี้บ้าง ไม่เน้นสมจริงแต่เน้นเอามันส์เพียวๆ