Don't Look Up (2021)

Don't Look Up (2021) | A-
Director: Adam McKay
Genres: Comedy | Drama | Sci-Fi

"ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด" แต่เดี๋ยวก่อน บางครั้งคำว่าโง่อาจไม่ได้หมายถึงโง่จริงๆ แต่หมายถึงการไม่ทำให้ดูฉลาดเพื่อทุกคน แต่เอาตัวรอดกอบโกยอยู่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ที่สื่อให้เห็นดาวห่างที่จะพุ่งชนโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่มีการเตรียมรับมือที่ปลอดภัย คิดยังก่อนไว้ที่หลัง พอจวนตัวเท่านั้นแหละที่ความชิบหายบังเกิด


อะไรก็เกิดขึ้นได้กับโลกที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล จะมีอุกกาบาตหรือดาวหางหรืออะไรก็ตามที่มาชนพื้นผิวโลกเข้าสักวัน สำหรับ Don't Look Up (2021) พยายามอธิบายความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและผลที่ตามมาผ่าน ดร.แรนดัลล์ มินดี้ (Leonardo DiCaprio) นักดาราศาสตร์ที่ตกใจตัวสั่น และ เคต ดิบิแอสกี้ (Jennifer Lawrence) นักศึกษาดาราศาสตร์ คนแรกที่ค้นพบดาวหางนี้และได้รับเกียรติให้ใช้นามสกุลของเธอตั้งเป็นชื่อดาวหาง (ธรรมเนียมผู้ค้นพบอ่ะนะ) ซึ่งไม่รู้จะยินดีได้เต็มปากเต็มคำไหม เพราะดาวหางที่มีนามสกุลของเธอกำลังจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ซะเองอีก 6 เดือนข้างหน้า

หนังตลกร้ายที่ร้ายจนไม่อยากมองย้อนมาที่ตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังคือความจริงที่เกิดกันได้ เนื่องจากไม่มีใครชอบเรื่องร้ายๆ ดังนั้นการประกาศว่ามีดาวหางพุ่งชนโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคือเรื่องบันเทิง ใครจะเชื่อที่ไปพูดในรายการแฉที่ลำดับต่อท้ายดาราที่เลิกกันแล้วคืนดีขอแต่งงาน


อันที่จริงเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ต้องเป็นรัฐบาลเข้ามาจัดการถึงที่สุด แต่แล้วยังไงกับสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีเห็นเรื่องชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก การไปบอกว่าอีก 6 เดือนจะดาวหางชนโลกยังไม่น่าเครียดเท่าการสยบข่าวฉาวที่เคยไปมีอะไรกับนายอำเภอตอนนี้เลย

คนเห็นแก่ประโยชน์ไม่ใช่ว่าโง่หรอกนะ สิ่งที่เห็นบางอย่างมีเหตุผลและธรรมเนียมของตัวเอง เช่น การส่งคนไปพร้อมกับจรวดเพื่อทำภารกิจทำลายดาวหาง ทั้งที่ยุคสมัยของเทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องใช้คนขับอีกต่อไป ควบคุมระยะไกลก็ได้ แต่ถ้าภารกิจสำเร็จจะมีใครเป็นวีรบุรุษกู้โลกล่ะ?

แม้แต่การปิดปากเงียบ ห้ามเผยแพร่ความจริงให้สาธารณชนรับรู้เด็ดขาด ไม่ว่าจะใกล้ตัวแค่ไหนก็ตาม ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้เมื่อไรจะห้ามความวิตกกังวลวจนอาจเกิดการจลาจลได้เมื่อไร แน่นอนอาจเกิดการประท้วงและถูกขุดคุ้ยจนเสียคะแนนทางการเมือง


ยอมรับการล้อเลียนและเสียดสีที่แสบสันอย่างมาก ไม่ใช่แค่การเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องใกล้ที่กันเองจนแยกไม่ออกว่าตลกร้ายขนาดนี้จะรู้สึกยังไงในชีวิตจริง ซึ่งความก้ำกึ่งนี่เองที่ดันให้การเล่าเรื่องไปได้อย่างสนุกสนานและน่าหัวเราะ ทั้งที่ความเครียดควรมีมากกว่าถึงจะถูก

หนังประเภทภัยพิบัติล้างโลกมักรวมพลังดาราพอสมควร ซึ่งจากที่เด่นชัดมี Leonardo DiCaprio, Jennifer Lawrence, Meryl Streep, Cate Blanchett, Jonah Hill, Timothée Chalamet, Ron Perlman และอีกมากมายจนไม่คิดจะรวมตัวกันได้ เซอร์ไพรส์สุดคือ Ariana Grande ที่บทเหมือนเล่นเป็นตัวเองแต่ปากจัดกว่าและร้องเพลงเกี่ยวกับดาวหางที่กัดรัฐบาลถึงความล้าช้าและยอมรับความจริงได้แล้ว


“เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ”

ระหว่างดู Don't Look Up (2021) นึกถึง Deep Impact (1998) ที่ทุกคนไม่อาจหนีความจริงเกี่ยวกับดาวหางชนโลกได้ แต่ต่างกันที่ Don't Look Up (2021) พยายามทำดูเป็นตลกร้าย แก้ไขสถานการณ์แบบน่าหดหู่เพราะความไม่เอาไหนของรัฐบาล ทุกคนตายกัน (เกือบ) หมด คนที่รอดชีวิตหนีขึ้นยานอวกาศออกนอกโลก ซึ่งเดาว่าคัดเฉพาะคนรวยหรือคนในเท่านั้น หลังจากนั้นหนังตัดมาอีกหมื่นปีต่อมา คนในยานอวกาศถูกปล่อยลงพื้นโลก คนที่รอดตื่นจากการจำศีลในสภาพล่อนจ้อนกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หากนี่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของมนุษย์ชาติคงเป็นสิ่งที่แย่มากจากการรวมกลุ่มคนเห็นแก่ตัวและโง่เง่าเต่าตุ่น

ขณะที่ Deep Impact (1998) ชวนให้ปลงกับชีวิต ใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นและเสียสละให้มนุษยชาติรอดพ้นอันตราย ถึงจะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ถ้ารอดจากภัยพิบัตินี้ ทุกคนจะช่วยกันฟื้นฟูอีกครั้ง หนังภัยพิบัติระดับโลกที่สนุกน้อย แต่ให้อารมณ์ในเชิงบวกจนเชื่อว่าชีวิตทุกคนมีหน้าที่และความสำคัญกันหมด

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)