The Night House (2020) | เดอะ ไนท์ เฮาส์ | B-
Director: David Bruckner
Genres: Horror | Thriller
เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่ เบธ ภาคิน (Rebecca Hall) ที่สูญเสียสามีจากการฆ่าตัวตายที่ไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งพยายามทำใจถึงการเสียคนรักจากการระลึกถึงช่วงที่ดีต่อกัน แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการยอมรับความจริงและทิ้งความเศร้าโศก กระทั่งเจอรูปภาพผู้หญิงหลายคนและปริศนาที่ซ่อนอยู่ อีกทั้งภายในบ้านก็เริ่มเกิดสิ่งผิดปกติก่อนที่มารู้ภายหลังคือสิ่งที่ตัวเองไม่อยากพูดถึงอีกครั้ง
“เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ”
ตกอยู่สถานะที่ไม่รู้จะชอบหรือเฉยๆดี เพราะสุดท้ายเรื่องราวไม่ได้แปลกไปกว่าการโดนรังควานจากสิ่งลึกลับหรือผีที่จ้องจะเอาชีวิต ซึ่งน่าจะเป็นผลตกค้างในอดีตที่เคยตายแล้วฟื้นและไม่ได้ใส่ใจจนกระทบคนใกล้ตัว กว่าตัวเองจะเข้าใจก็แก้ไขอะไรไม่ได้
การเล่าเรื่องจะไม่พูดถึงตรงๆราวกับต้องการสื่อถึงบางสิ่งที่อาจส่งกระทบต่อผู้รับรู้ ทำให้มีคนที่รู้จริงๆเพียง 2 ตัวละคร นั้นคือเบธที่เคยตายแล้วฟื้นกลับมาอีกครั้ง และสามีของเธอที่เคยรับฟังในสิ่งที่เบธเล่าเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย
เบธ ไม่เคยเล่าเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายให้ใครฟังเพราะไม่อยากนึกถึง แม้จะไม่รู้เหตุผลที่เล่าเรื่องนี้ให้สามีตัวเอง ทว่าหลังจากนั้นเรื่องเลวร้ายได้เกิดขึ้นโดยที่ตัวเธอไม่เคยรู้มาก่อน กระทั่งเกิดข้อสงสัยมากมายในสิ่งที่สามีทิ้งไว้หลังฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นพยายามสืบหาความจริงจึงพอเข้าใจว่าสิ่งที่เคยเล่าให้ฟังได้ส่งให้ชีวิตสามีตัวเองไม่ปกติอีกต่อไป
อาจเพราะบางสิ่งพยายามเอาชีวิตของเบธ แต่ไม่สามารถรบกวนหรือรังควานได้ การยืมมือใครสักคนจึงเกิดกับสามีของเธอที่ถูกเป่าหูทุกวันจนต้องลงมือฆ่า ทว่าความรักที่มีนั้นไม่อาจทำได้ลง ทำให้ต้องลงมือกับผู้หญิงคนอื่นๆที่มีลักษณะรูปร่างและหน้าตาคล้ายเบธตามที่เห็นรูปผู้หญิงอื่นมากมาย แต่การหาตัวตายตัวแทนทำไม่ได้ตลอดเพราะเขาเริ่มเหมือนปีศาจขึ้นทุกวัน การจบชีวิตตัวเองจึงเป็นการบ่งบอกถึงความเต็มที่ที่จะปกป้องคนรัก
อันที่จริงความสยองขวัญควรมากกว่านี้เพราะหลายฉากดูเรียบไปหมด แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ชอบมากและน่าจะเป็นทีเด็ดสร้างความสะพรึงคือบางฉากมีการหลอกสายตา มองแล้วไม่มีอะไร แต่พอมองดีๆหรือคล้อยตามตัวละครจะพบความปกติที่ไม่ปกติ ทำให้ไม่ว่าเวลาไหนจะมีบางสิ่งอยู่ด้วยเสมอ ตอนจบที่เรือลอยกลางแม่น้ำโดยมีแสงกระทบฉากหลังทำให้เห็นเงาเหมือนคนนั่งเรือ หากไม่สังเกตจะเห็นเพียงเรือลอยเฉยๆ เป็นฉากธรรมดาที่น่ากลัวโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
ฉากท้ายเรื่องแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบต่อเนื่องไม่หยุดพักคล้ายอัดอั้นมานาน พอปล่อยจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สูบฉีดเต็มที่ หากหนังเริ่มน่าเบื่อและเลือกคอยอีกหน่อยจะพบช่วงเวลา Non-Stop ที่ถาโถมไม่หยุด อารมณ์เหมือนบ้านจะระเบิดยังไงอย่างงั้น
มองในแง่เนื้อหาไม่ถึงกับซับซ้อน แต่มีประเด็นที่ตีความได้เรื่อยๆ เพราะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่ ซึ่งหนังไม่เฉลยตรงๆคล้ายกับสิ่งที่เจอไม่สามารถบอกให้ใครฟังได้ ความไม่แน่ชัดจึงเต็มไปด้วยความสงสัยและก้ำกึ่งระหว่างความจริงหรือหลอน หากนำไปวิเคราะห์อาจเพิ่มมูลค่าที่หนังสื่อออกมาจนชอบไปเลยก็ได้