Fresh (2022) | B+
Director: Mimi Cave
Genres: Comedy | Horror | Thriller
“หนังรักที่สวยงามและน่าเอร็ดอร่อย”
โนอา (Daisy Edgar-Jones) คือผู้หญิงที่โสดและต้องการหาใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง สิ่งหนึ่งที่ทำเป็นประจำคือการดูโทรศัพท์เพื่อปัดหน้าจอหาคนที่ถูกใจ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ตัวจริงจะตรงกับรูปหรือแคปชั่น รวมไปถึงเหล่าวิตถารที่ชอบโชว์จู๋เพราะคิดว่าจะได้แอ้มสาว
แม้จะเบื่อและเสียเวลาหาคนรักผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ยังคงมีความหวังเจอผู้ชายดีๆเข้าสักวันหนึ่ง จนกระทั่งเจอ สตีฟ (Sebastian Stan) หนุ่มท่าทางกันเองและมีอารมณ์ขันที่บังเอิญเจอในห้างโซนผัก/ผลไม้ ซึ่งทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอก่อนที่ความสัมพันธ์จะเริ่มลึกซึ้งกินใจมอบความรักให้แก่กันราวกับความฝันที่เป็นจริง
ถึงสาวๆทุกคนที่ยังไม่เคยดูหรือถูกสปอยด์ใดๆเกี่ยวกับ Fresh (2022) มาก่อนให้เตรียมใจสักเล็กน้อย อย่างน้อยช่วยให้ไม่หลงระเริงไปกับความโรแมนติกมากเกินไปเพราะอย่าลืมมีคำว่า Horror อยู่ในนั้นด้วย
“เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ”
ครึ่งชั่วโมงแรกเป็นการพูดถึงชีวิตวัยทำงานของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังหาคู่ ซึ่งสะท้อนถึงสังคมที่มุ่งมั่นการทำงานเป็นหลัก จนตั้งตัวได้แล้วจึงเริ่มหาคู่หรือความรัก ทว่าการหาใครสักคนในวัยทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครบางคน ดังนั้นสิ่งที่ช่วยเลือกคือแอพหาคู่ที่คัดสรรคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการ
การนัดเจอกันจริงเป็นเรื่องน่าลุ้นเพราะไม่รู้ว่าตัวจริงมีบุคลิกหรือนิสัยยังไง ดังนั้นต่อให้คุยกันมาก่อนอย่างดิบดีก็สู้เท่าคุยต่อหน้าไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้เห็นการดำเนินชีวิตที่แอบเซ็งตลอดเวลา ทว่าการเจอใครสักคนที่เข้ากับตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาแอพหาคู่กลายเป็นสวรรค์ราวกับพรมลิขิตมาเกิด
จังหวะล้อเลียนหาคู่ผ่านแอพไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การเล่าเรื่องทำให้ออกมาได้บัดซบกับชีวิตที่หาคนรักดีๆไม่ได้เลยเหรอ ซึ่งการนัดเจอไปทานข้าวก่อนจะออกจากร้านด้วยประโยคสบถเป็นสิ่งที่ตะลึงไม่น้อย ใครจะไปคิดว่าการบอกว่าอาจจะเข้ากันไม่ได้จะกลายเป็นประโยคให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเพียงเพราะฉันอยากเลือกคนที่ตรงสเปค ถ้าไม่ใช่ก็หยุดแค่นี้เพื่อจะไม่เสียเวลา แค่นี้ทำไมไม่เข้าใจ
การเปิดเรื่องด้วยความหวังที่ผิดหวังก่อนจะพาไปลิ้มรสหวานที่ละมุน ช่วงครึ่งชัวโมงแรกคือหนังรักเรื่องหนึ่งที่โรแมนติกมากๆ ทำเอาใจละลายกันไม่น้อย แต่ความรักที่หวานชื่นนั้นเองก็คอยมีคนเตือนสติให้ระวังอยู่เสมอ นั่นคือ โมเรีย (Jojo T. Gibbs) เพื่อนของโนอาที่ไม่ต่างกับผู้ปกครองที่ให้คำแนะนำและเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งตัวละครนี้วางบทบาทให้มีความสำคัญอย่างมากจนคิดว่านี่แหละเพื่อนแท้ไม่ทิ้งกัน
ความรักระหว่างโนอาและสตีฟทำให้หลายคนประทับใจ ทว่าหลังจบครึ่งชั่วโมงจะกลายเป็นอีกอารมรณ์ที่หักดิบ เมื่อสตีฟไม่ใช่ชายในฝันอย่างที่สาวๆต้องการ นั่นเพราะเขากินเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อสาวๆที่มีรสชาติอร่อยกว่าเนื้อทั่วไป มิหนำซ้ำยึดเป็นอาชีพส่งขายเนื้อถึงคนรวยที่ชอบรับประทานเนื้อคนเหมือนกันอีกด้วย
วิธีการได้เนื้อไม่ใช่ฆ่าทีเดียวแล้วจบ แต่เลี้ยงขังไว้เพื่อตัดมาทีละเล็กละน้อย โดยทำเป็นกติกายอมอยู่นิ่งๆจะไม่โดนทำอะไร แต่หากฝ่าฝืนคิดหนีหรือต่อสู้จะถูกตัดเนื้อบางส่วนออกจากร่างกายเป็นการทำโทษ ซึ่งความน่ากลัวอย่างหนึ่งอยู่ที่การแล่เนื้อมาจากความสามารถทางการแพทย์ที่ตัดอวัยวะได้อย่างสบายๆและส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุด
ฉากที่น่ากลัวคือฉากส่งเนื้อตั้งแต่เตรียมออกจากตู้จนไปถึงการทุบ หั่น และแพ็คใส่ถุงอย่างดี หากเป็นเนื้ออย่างอื่นเช่นหมูหรือไก่คงเป็นเรื่องปกติ แต่จะเป็นยังไงหากมีขาคนวางบนโต๊ะในครัว แต่ความน่ากลัวนี่แหละที่ถูกเล่าอย่างสบายใจและทำให้สนุกอย่างมีความสุข
สไตล์การเล่าเรื่องเน้นอารมณ์พอสมควร ทำให้ทุกอย่างดูเรื่อยๆแต่แฝงความลุ่มลึกอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างโนอากับสตีฟก็มีความแปลกระดับหนึ่ง จากตอนแรกโนอาตกใจมากที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ อยากหนีอยากขอความช่วยเหลือ แต่พอรู้ว่าหนีทันทีไม่ได้จึงเลือกอยู่ไปก่อนเพื่อดูสถานการณ์ ซึ่งระหว่างนี้ทำเหมือนเป็นหมูเชื่อง ไม่หนีไม่ต่อต้าน และทำเป็นว่ายังไงต้องโดนสตีฟเชือดเข้าสักวัน งั้นขอปลงกับชีวิตอยู่กับสตีฟที่ตัวเองเคยหลงรัก
สิ่งหนึ่งที่เนียนอย่างมากคืออารมณ์ขันแบบตลกร้ายที่พบเห็นหลายฉาก ทำเอาไม่รู้จะหดหู่หรือหัวเราะก่อน ยิ่งฉากสุดท้ายไม่ต่างกับหนังตลกที่ถามมาได้อย่างไรว่าโอเคไหม ซึ่งสภาพที่เห็นคือเกินคำว่าโอเคไปไกลโข แต่นั่นแหละที่ทำให้หนังมีสีสันหลายรูปแบบจนดูลื่นไหลไปหมด
จากความลุ้นและคิดอยู่เสมอเกี่ยวกับวิธีเอาตัดรอดจะทำยังไง รวมไปถึงการเล่าจะมาอารมณ์ไหนหรือมีหักมุมอะไรไหม น่าเสียดายที่ไม่มีมีวิธีที่พลิกแพลงใดๆ เพราะสุดท้ายแล้วผู้ชายยังแพ้ให้กับตัณหา แม้จะฉลาดเตรียมรับมือยังไงหากเผลอใจให้ก็พลาดได้อยู่ดี (ถึงจบธรรมดาไปหน่อย แต่สร้างความสะใจแก่บรรดาสาวๆไม่น้อยทีเดียว)