All of Us Are Dead (TV Series 2022 - ) | มัธยมซอมบี้ | Season 1 | B+
Genres: Action | Drama | Fantasy | Horror | Sci-Fi | Thriller
บางทีเอียนเหมือนกันกับหนังซอมบี้ที่มีให้ดูเยอะแยะไปหมด บางเรื่องพยายามหาพล็อตใหม่มาเล่าโดยมีซอมบี้เป็นพื้นหลัง บางเรื่องไม่ได้ใหม่อะไรเลย แค่ทำฉากเอาตัวรอดให้ลุ้นระทึกมากที่สุดกับตัวละครให้ผูกพันกับคนดูมากเท่าที่จะมากได้ เวลาใครเสียสละหรือตายจะได้ซึมน้ำตาคลอจนอยากบีบคอผู้กำกับและคนเขียนบท
สำหรับซีรีส์นี้ใช้ซอมบี้ด้วยประเด็นคล้ายปรสิตที่พยายามดิ้นรนมีชีวิตรอด ซึ่งปรสิตเข้าไปในหอยทากแล้วควบคุมให้ขึ้นที่สูงเพื่อถูกนกกิน จากนั้นเกาะกินสารอาหารในนกก่อนจะขยายพันธ์ออกทางมูลนก หลังจากนั้นหอยทากมากินมูลนกหรือที่ปนเปื้อน ทั้งหมดเป็นวัฏจักรของปรสิตที่ต้องการมีชีวิตต่อไป
ต้นกำเนิดมาจากครูวิทยาศาสตร์ที่มีปมเรื่องลูกถูกรังแกเป็นประจำ แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะคิดเป็นเรื่องเล็กที่เด็กหยอกล้อเท่านั้น เมื่อเรื่องสะสมมากขึ้นจึงอยากดึงจิตสำนึกการเอาตัวรอดออกมา เวลาใครรังแกจะได้โต้ตอบกลับไปบ้าง ทว่าการทดลองให้ผลลัพธ์ที่มากเกินไปจนควบคุมไม่อยู่ ซึ่งได้กลายเป็นซอมบี้และกัดคนอื่นให้ติดเชื้อไปด้วย
ตอนแรกคิดว่าซอมบี้จะถูกตีความใหม่ให้เหมือนหอยทากที่เป็นนัยให้เห็นในตอนแรก แต่ไม่ได้แตกต่างไปจากซอมบี้ทั่วไปที่วิ่งเร็วและติดเชื้อเป็นซอมบี้ได้ง่ายตามยุคสมัย ดังนั้นประเด็นตีความซอมบี้จึงไม่เกินไปกว่าความพยายามเปลี่ยนแปลงของคนหนึ่งที่มั่นใจมากเกินไปจนทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด
ในเมื่อซอมบี้ไม่ได้แปลกไปจากเดิม สิ่งที่คาดหวังต่อไปนี้คือมิติตัวละครและการสะท้อนสังคมที่มีความลุ่มลึกหรือตื้นเขิน แน่นอนว่าประเด็นมีให้เห็นอย่างชัดเจนและแสดงออกมาได้สะเทือนอารมณ์ แต่ไม่อาจนำไปสู่อารมณ์ที่แท้จริงของความรู้สึกนั้นได้เพราะหมดไปกับการหนีซอมบี้เป็นส่วนใหญ่
ปัญหาของเด็กถูกกลั่นแกล้งจนถูกละเลยจากผู้ใหญ่อย่างครูผู้สอน การแบ่งชนชั้นที่มีให้เห็นในโรงเรียน ปัญหาสุขภาพจิตของนักเรียน และปัญหาอีกมากมายที่แสดงให้เห็นความป่วยของสังคม ซึ่งจะตราตรึงใจกว่านี้ในการขยี้ปมให้สุดทางกว่าให้ซอมบี้วิ่งไล่กัดอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อความลุ้นระทึกและสยองขวัญ
จำนวน 12 ตอน แต่ละตอนมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1 ชม. ด้านเนื้อหามีเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่โรงเรียนเป็นหลักและแทบจะเป็นแบบนั้นทุกตอน ประเด็นคือทำอะไรกันอยู่ที่โรงเรียน หากสังเกตจะพบว่าหนีซอมบี้ จากนั้นหาที่ปลอดภัย พอซอมบี้มาก็หนีอีกที จากนั้นหาที่ปลอดภัยอีกครั้ง แล้วก็เป็นลักษณะนี้จนไม่ต่างกับทัศนะศึกษาโรงเรียนจนครบเกือบทุกห้อง
อันที่จริงไม่ต้องเล่ายาวให้นานขนาดนี้ก็ได้ แต่ละฉากสามารถรวบรัดได้เลย อาจเพราะตัวละครค่อนข้างมากจึงต้องดันให้มีบทบาทกันทุกตัวละครจะมากหรือน้อยแต่ต้องมีเอกลักษณ์และคนดูจำได้ ดังนั้นไม่แปลกใจเลยกับฉากดราม่าที่ใครโดนกัดต้องมีอารมณ์สะเทือนทุกที (ใครเฉยๆคงบ่นกับฉากดราม่าที่จะอะไรกันนักหนา)
นอกจากซอมบี้จะมีคนกลายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับเชื้อได้ ทำให้มีสถานะเป็นลูกครึ่ง มีพละกำลังและประสาทสัมผัสมากกว่าคนปกติ ถ้าไม่มีข้อนี้จะทำให้การเล่าเรื่องออกมาจืดเพราะจมกับซอมบี้เดิมๆ ซึ่งคนกลายพันธุ์มีทั้งดีและร้าย ซึ่งคนที่ร้ายทำให้ทุกอย่างออกมาสนุกมาก ทำอะไรก็ได้ตามใจและไม่ตายง่ายๆ หากเทียบกับเกมคือตัวบัคหรือคนที่ใส่สูตรโกง
พล็อตซอมบี้ในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ได้ยินหรืออ่านคือธรรมดาอย่างมาก ทุกอย่างมีองค์ประกอบเดิมๆ แต่ดีหน่อยที่แก้เกมด้วยตัวละครกลายพันธุ์ ทำให้มีความกระชุ่มกระชวยพ้นจากกรอบดราม่าที่อยากให้เห็นใจและเศร้ากับการเห็นคนรักเป็นซอมบี้ หากมีซีซั่นต่อขอให้ซอมบี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นคนกลายพันธุ์ที่กลายเป็นปัญหาสังคมต่อไป