Day Shift (2022) | งานต้องล่า | C+
Director: J.J. Perry
Genres: Action | Comedy | Fantasy | Horror | Thriller
พล็อตหนังรับจ้างล่าแวมไพร์ยังคงเป็นความจำเจเช่นเคย แม้จะเติมแต่งมิติให้มีเหตุผลเพราะต้องการเงินด่วนให้ลูกมีเงินเข้าโรงเรียนและสมานฉันท์ครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ปมนี้ไม่ได้ซีเรียสจนเป็นภาระหนักใจ ทุกอย่างไปหนักที่ฉากแอ็คชั่นเอามันส์
การเรียกใช้บริการนักแสดง Scott Adkins มาโชว์ฝีมือการต่อสู้กับแวมไพร์ทำได้สนุกมาก แม้ไม่ใช่ตัวละครหลักและโผล่มาไม่กี่นาที แต่ลืมไปเลยว่าคนที่เป็นพระเอกจริงๆคือ Jamie Foxx เพราะท่วงท่าและลีลาทำให้รู้สึกว่านี่คือคนที่ต่อสู้กับแวมไพร์ได้จริง
ฉากสู้กับแวมไพร์มีความสะใจจากความตายยาก ฆ่าเท่าไรก็ไม่ยอมตายสักที การประดิษฐ์ฉากต่อสู้จึงมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่แปลกที่การเน้นแอ็คชั่นจะเป็นจุดเด่นหลักเพราะผู้กำกับ J.J. Perry เคยเป็นสตั๊นท์แมนมาก่อน แต่บางทีให้เยอะจนดูล้นไปหน่อย
ไม่ผิดหวังกับฉากแอ็คชั่น แต่เสียดายที่ท้ายสุดไม่เต็มที่เหมือนฉากเปิดเรื่อง การเจอแวมไพร์เก่งทำให้สู้ได้ยากลำบาก การชนะด้วยแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งควรจะลุ้นมากกว่านี้ แต่กลายเป็นสูตรสำเร็จมากเกินไป รู้ว่าจะทำอะไร จะเจออะไร และจบแบบไหน ตรงตัวเกินไปจนความเก่งของแวมไพร์ที่ว่าเหนือมาตลอดต้องแพ้ง่ายๆ
ประเด็นสู้เพื่อลูกคือปัญหาครอบครัวที่เล่าจืดจาง จากที่เห็นควรเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบจิตใจทั้งครอบครัว แต่ดูเหมือนความดราม่าไม่ได้ส่งผลกระทบสักเท่าไรนัก ทุกคนยังดูสบายและทำเหมือนเรื่องปกติ ถ้าเติมจุดนี้ให้มีอารมณ์ทุกข์จะช่วยให้อยากเอาใจช่วยขึ้นมาบ้าง
น่าเสียดายที่เรื่องของแวมไพร์ที่เขียนไว้มีหลายประเภท พอถึงเวลาเข้าจริงแทบไม่เห็นความแตกต่างสักเท่าไร ทำให้สเกลเนื้อหาที่ดูใหญ่กลายเป็นเล็ก ไม่ต่างกับความสนุกที่น่าจะมันส์มาก แต่โดยรวมพอดูได้เพลินๆกับสูตรสำเร็จที่พอไหว