Black Adam (2022) | แบล็ก อดัม | B-
Director: Jaume Collet-Serra
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi
ปัญหาคือขาดมิติใหม่ๆ แม้มีตัวละครที่แตกต่างกัน ทุกอย่างยังยึดสูตรสำเร็จให้เข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงคนดูทุกระดับ สิ่งที่ได้แบบเนื้อเน้นๆ คือการต่อสู้ที่พักเหนื่อยไม่กี่นาทีก็พาซัดกันอีกแล้ว ซึ่งตรงคอนเซ็ปต์พูดให้น้อยแล้วอัดเยอะ หรือที่จริงปัญหาคือข้อดีที่ขายบันเทิงไปเลย
การได้เห็นนักแสดง Dwayne Johnson รับบทเป็น แบล็ก อดัม ซูเปอร์ฮีโร่สีเทาที่เป็นตัวดีและตัวร้ายได้ในคร่าวเดียวกันยังไม่รู้สึกหวือหวาสักเท่าไร ตลอดทั้งเรื่องทำหน้าเข้มตลอดเวลา ซึ่งเข้ากับคาแรคเตอร์ที่ไม่ยอมใคร แต่พอถึงช่วงดราม่ายังไม่อาจขยับขยายจากเดิมมากนัก
คนที่เด่นกว่าใครต้องเป็น Pierce Brosnan ที่มารับบทเป็น ดร.เฟท จอมเวทย์ที่เสมือนมันสมองของทีมและเป็นคนพลิกสถานการณ์ จากคาแรคเตอร์ที่มีความอาวุโสกึ่งกวนประสาท ทำให้มีหลากหลายอารมณ์ให้เห็นอยู่เสมอ อีกทั้งการแสดงยังแฝงความเท่จนชวนให้นึกถึงสมัยรับบทเป็นสายลับอังกฤษ 007
แม้มีความพยายามสร้างความหลากหลายจากตัวละครที่มีพลังแตกต่างกัน ทว่ายังมีความสงสัยในพลังที่ใช้กันอย่างไม่เต็มที่ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเน้นเรื่องพละกำลังเป็นส่วนใหญ่ หากให้เข้าใจคือการที่เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นด้านดีและด้านเสียของการไม่คิดวางแผน การลุยโดยไม่คิดอะไรเพราะความสามารถเหลือล้นช่วยให้จบเรื่องไวขึ้น แต่อาจต้องแลกบางสิ่งไป
คาดหวังกับตัวร้ายไว้สูงพอสมควร เพราะระดับพลังและความสามารถที่เห็นของแบล็ก อดัม คือโม้ไว้สูงมาก ฉะนั้นจะมีตัวร้ายไหนที่ต่อกรได้อย่างสูสีบ้าง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือเก่งแบบที่ไม่เต็มปากเต็มคำ บทจะสู้กันเหมือนยื้อไว้ก่อนให้มาปล่อยไม้ตายในท่าสุดท้าย ทำให้ผิดหวังกับการมีให้เห็น แต่เหมือนเป็นตัวประกอบเสียแทน
ถ้ามองในแง่ความบันเทิงคือเน้นขายแอ็คชั่น ซึ่งจะว่าสนุกก็สนุก จะมาบทไหนหรือสถานการณ์ใดจะต้องมีความมันส์และอลังการเข้าแทรก บางทีมีมุกตลกที่ส่วนตัวมองว่ากำลังดี แต่จะว่าไม่สนุกก็ไม่สนุกยังได้ เพราะเนื้อเรื่องหรือมิติจะมีแต่มุมเดิมๆ เดาทางได้ทันทีตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งตัวร้ายยิ่งน่าผิดหวังเข้าไปใหญ่ คงบอกได้แค่ชอบนิดหน่อยกับการไม่คิดอะไรมาก