The Fall of the House of Usher (TV Mini Series 2023) | บ้านปีศาจ | A
Creator: Mike Flanagan
Genres: Drama | Horror | Mystery
อัชเชอร์ คือตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลจากการขายยาแก้ปวดที่ทำมาจากฝิ่น แต่เป็นประเด็นเรื่องสุขภาพจากผลข้างเคียง รวมไปถึงสถานะที่ก้ำกึ่งยาเสพติด แม้จะมั่งคั่งและเอาตัวรอดได้เสมอ ทว่าลูกหลานในตระกูลต้องมาจบชีวิตลงทีละคน ซึ่งผู้ที่จะมาเล่าความจริงคือร็อดเดอริก (Bruce Greenwood) ที่เป็นเจ้าของบริษัทและผู้นำตระกูลต้องคำสาปนี้
The Fall of the House of Usher คือนิยายที่เขียนโดย Edgar Allan Poe และเคยมีฉบับหนังมาแล้วในปี 1960 ซึ่งพล็อตเกี่ยวกับการเล่าเรื่องของคนสุดท้ายที่มาจากตระกูลอัชเชอร์ให้ใครบางคนนั่งฟัง จากนั้นค่อยจบลงที่โศกนาฏกรรมจากผลที่ตามมา
ต้องยอมรับว่า Mike Flanagan คือคนหนึ่งที่ทำซีรีส์มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ The Haunting of Hill House (TV Mini Series 2018) จนเรื่อยมายังรู้สึกประทับใจ โดยเฉพาะความเนิบช้าที่กินเวลาไปนาน แต่ไม่รู้สึกเบื่อหรือน่ารำคาญกับความพยายามเกี่ยวรายละเอียดที่ยิ่งมากยิ่งคมคาย
Slow Burn ทำให้เห็นความคมชัดหลายอย่าง โดยเฉพาะตัวละครที่มีมากมายและเรื่องราวที่ยิ่งดูยิ่งครบแน่น แต่ละตอนจะเล่าถึงลูกหลานของตระกูลอัชเชอร์ที่มุ่งเน้นไปที่คนใดคนหนึ่ง ทำให้แต่ละตอนคือตัวแทนของคนนั้น ระหว่างนั้นมีการสลับช่วงเวลาในอดีตเพื่อนำมาประติดประต่อเป็นบทสรุปในตอนท้าย
ความเชื่องช้าที่มากด้วยบทสนทนาและการเก็บรายละเอียด ทำให้เสมือนดาบสองคมที่ส่งผลกับคนที่อดทนได้อย่างดี ยกเว้นใจร้อนอยากให้จบเร็วทั้งที่เรื่องราวไม่ได้ไปไกลสักเท่าไรนัก เช่นเดียวกับ Midnight Mass (TV Mini Series 2021) ที่รอแล้วรออีกกับการนั่งดูเก็บข้อมูล กระทั่งไคล์แม็กซ์ถึงกลายเป็นความคุ้มค่าที่เฝ้ารอ
“เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ”
ตระกูลอัชเชอร์มาถึงจุดจบได้อย่างไรนั้น จากตอนแรกได้เฉลยแล้วว่ามีการสูญเสียลูกหลานทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรเป็นสิ่งที่น่าสงสัย แต่ที่รับรู้ได้คือคล้ายเป็นตราบาปบางอย่างที่เกิดขึ้นจากร็อดเดอริกหรือพ่อที่ต้องมางานศพลูกตัวเองทั้งที่ควรเป็นเขามากกว่า
แต่ละตอนจะมุ่งเน้นไปที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัว แล้วจบตอนด้วยการตายของคนนั้น โดยทุกครั้งจะต้องมีตัวละครปริศนาคนเดิมเข้ามาอยู่เสมอ จากการตายครั้งแรกได้สร้างคำถามชุดใหญ่ถึงความไม่ปกติ ซึ่งเริ่มเก็บเกี่ยวเรื่องราวที่ค่อยๆ เปิดเผยทีละนิดถึงเบื้องหลังความรุ่งโรจน์ของตระกูลอัชเชอร์
ก่อนตระกูลอัชเชอร์จะร่ำรวยและมีทรัพย์สินใช้ไม่รู้หมดนั้น ดั้งเดิมมาจากความจนที่ถูกบีบเค้นจากสังคมที่กดทับ อีกทั้งเป็นลูกเมียลับที่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือหรือใส่ใจแม้แต่น้อย ด้วยความแค้นและความกดดันที่สะสมมาตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ได้สร้างความทะเยอะทะยานให้เหนือกว่าผู้อื่น ทำให้เป็นคนฉลาดและเจ้าเล่ห์พร้อมใช้ช่องว่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ความพยายามที่จะเอาชนะได้หล่อหลอมตระกูลอัชเชอร์ให้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งการมีอำนาจทำให้ลูกๆ ทุกคนในตระกูลอัชเชอร์ต่างทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งการกระทำของทุกคนล้วนมีเรื่องผิดศีลธรรมและต่างสร้างบาปในแบบของตัวเอง แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นรสนิยมทางเพศอันแสนซับซ้อน ราวกับว่าเป็นความพึงพอใจของตัวเองที่ได้กุมอำนาจทำอะไรก็ได้
แม้บรรดาพี่น้องจะเกิดในตระกูลเดียวกัน ทว่าต่างเกิดจากคนละแม่ทั้งสิ้น ทำให้ทุกคนต่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร รวมไปถึงความรักในหมู่พี่น้องที่ไม่สมานฉันท์เท่าไรนัก เมื่อถูกกล่าวหาว่ามีใครบางคนแอบนำข้อมูลของบริษัทไปให้ประกอบการฟ้องร้อง ทำให้ทุกคนต่างระแวงกันเอง และพยายามหาหนอนบ่อนไส้เพื่อรักษาผลประโยชน์
แม้ไม่ถึงขั้นพี่น้องหักเหลี่ยมโหดเพราะต่างคนต่างไม่สนใจ แต่การเล่าเรื่องความสัมพันธ์พี่น้องทำให้เห็นถึงความต่างระดับ บางคนถูกนับเป็นอีกสถานะหนึ่ง บางคนกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัว บางคนกลายเป็นที่พึ่งพาเพราะความดัง บางคนไม่สนใจคนอื่น จากความไม่กลมเกลียวจึงนับเป็นพี่น้องได้ไม่เต็มปากเต็มคำ
จากความสัมพันธ์และเรื่องราวที่ยิ่งฟังยิ่งประติดประต่อจะพบว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกบรรจงให้เป็นไปตามธรรมชาติ ราวกับความเลวร้ายที่แสนผิดแปลกคือบทลงโทษที่ได้ก่อกรรม โดยกรรมที่ก่อเป็นการเหยียบย่ำคนจำนวนมากเพื่อผลักตัวเองให้อยู่สูง (มีฉากที่คนจำนวนมากร่วงลงมาจากท้องฟ้า สะท้อนถึงคนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยาแก้ปวดของตระกูลอัชเชอร์ที่ยิ่งใช้ยิ่งรุ่งโรจน์)
นี่คือซีรีส์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่น่าแนะนำเป็นอย่างยิ่ง แม้พล็อตจะไม่ซับซ้อนมากนัก แต่เหล่าตัวละครและวิธีการเล่าทำให้อุดมไปด้วยความสงสัย ความหม่นหมอง ความอยากรู้ และอีกหลายอารมณ์ที่น่าติดตาม ในส่วนที่ชอบมากคือความสยองขวัญที่เป็นมากกว่า Jump Scare คือการทำให้คิดและได้เห็นด้านมืดของมนุษย์ที่บางครั้งปีศาจยังต้องชื่นชมในความเล่ห์เหลี่ยมเพทุบาย
