Furiosa: A Mad Max Saga (2024) | ฟูริโอซ่า มหากาพย์แมดแม็กซ์ | A
Director: George Miller
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi | Thriller
ถ้าความบ้าพลังและเลือดร้อนต้องยกให้ Mad Max: Fury Road (2015) ที่แอ็คชั่นไม่บันยะบันยังและเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ส่วน Furiosa: A Mad Max Saga (2024) เป็นภาคต่อมีเนื้อเรื่องเหตุการณ์ย้อนหลังจะลดความบ้าพลังและเพิ่มความเลือดเย็น แต่มีความประณีตมากขึ้น
ฟูริโอซ่า คือตัวละครที่โดดเด่นมากใน Mad Max: Fury Road (2015) เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครหญิงแกร่งและมีเรื่องราวในอดีตที่น่าสงสัยถึงความเป็นมา ซึ่งนักแสดง Charlize Theron ทำเอาไว้ถึงอารมณ์มิติตัวละคร การกลับมาครั้งนี้ให้นักแสดง Alyla Browne รับบทในช่วงวัยเด็กที่เป็นจุดเริ่มต้นของความแค้น และนักแสดง Anya Taylor-Joy รับบทในช่วงวัยรุ่นที่อยากล้างแค้นถึงที่สุด
อย่าไปคาดหวังให้เหมือนใน Mad Max: Fury Road (2015) ที่เกือบกลายเป็นหนังเล่าด้วยภาพเพราะแทบไม่มีเวลาให้คุยกับสถานการณ์ที่ใส่เข้ามาแบบไม่รู้จักพัก แต่ Furiosa: A Mad Max Saga (2024) จะเล่าอย่างเป็นขั้นตอนและไล่ระดับสถานการณ์ให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อารมณ์ที่ได้จะไม่บ้าคลั่งตั้งแต่เริ่มต้น ยกเว้นความเถื่อนที่แสดงถึงความกระหายอย่างไม่รู้จักพอ
การเล่าเรื่องจะเริ่มต้นตอนที่ฟูริโอซ่ายังเป็นเด็กในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ มีธรรมชาติสีเขียวรอบตัวและอาหารเพียงพอ ซึ่งผิดกับโลกภายนอกที่แห้งแล้งจากผลกระทบของสงครามนิวเคลียร์ จนพลาดท่าถูกจับตัวจากกลุ่มที่นำโดยดีเมนทัส บุคคลอันตรายที่เล่ห์ร้ายและต้องการครอบครองทุกสิ่งเป็นของตัวเอง และได้สร้างความแค้นอย่างมิวันลืม
ดีเมนทัส คือตัวร้ายหลักที่หวังใช้อำนาจเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ ซึ่งได้นักแสดง Chris Hemsworth มารับบทนี้ แน่นอนว่าแทบไม่คุ้นตาเพราะรับบทพระเอกหรือคนดีมาตลอด เมื่อพลิกมาเป็นตัวร้ายกลายเป็นว่าจัดจ้านและเหี้ยมโหดไม่ใช่น้อย แล้วลีลายียวนกวนประสาททำให้รู้ว่าไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้เต็มร้อย
สำหรับฟูริโอซ่ากลายเป็นตัวละครที่อยู่จุดศูนย์กลางในสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่าง สิ่งที่เห็นใน Mad Max: Fury Road (2015) มีรายละเอียดของเนื้อเรื่องที่น้อยมาก แทบไม่เห็นส่วนอื่นนอกจากการไล่ล่าเพียงไม่กี่วัน ซึ่งการได้ขยายส่วนต่างๆ ทำให้เห็นการปกครองที่แบ่งหน้าที่กันดูแลและแลกเปลี่ยนหมุนเวียนทรัพยากร อีกทั้งแทรกการเมืองที่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมและพละกำลัง
การได้เห็นตัวละครใน Mad Max: Fury Road (2015) กลับมาอีกครั้งทำให้เห็นมุมมองที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ใช่แค่มาเพราะต้องการเชื่อมโยงเนื้อเรื่อง แต่รวมถึงช่วยให้ตัวละครที่ตายไปแล้วกลับมามีมิติเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเกิดความสนุกตรงที่ได้นั่งระลึกความทรงจำ ทั้งนี้จะเลือกดูตามลำดับ Timeline หรือตามปีได้หมดตามที่ต้องการ
บรรยากาศและอารมณ์ที่ได้จะไม่เหวี่ยงสุด แต่ฉากแอ็คชั่นยังเร้าอารมณ์เช่นเคย โดยเฉพาะการตัดต่อ สถานการณ์ และจังหวะ ซึ่งจะว่าไปแล้วเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับ George Miller ที่เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวช้าราวกับขับรถแข่งตลอดเวลา
สำหรับ Furiosa: A Mad Max Saga (2024) ทิ้งห่างภาคก่อนอยู่นาน แต่การกลับมาพร้อมกับการผจญภัยช่วยให้ทุกอย่างเปิดกว้างอย่างมาก อีกทั้งยังเชื่อมร่องรอยต่างๆ ให้ออกมาแนบสนิทอย่างไม่ขัดใจ (ยกเว้นตัวละครที่หายไปอย่างกีตาร์ไฟเล่นดนตรีมันส์ๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้สู้ไม่ถอย ซึ่งขโมยซีนทุกครั้งที่ได้เห็น)
แม้จะก้ำกึ่งด้านการเปรียบเทียบระหว่างภาคก่อนกับภาคนี้ แต่ความสนุกให้ใกล้เคียงกันและอาจเทียบกันยากเพราะวิธีเล่าเรื่องคนละแบบ อารมณ์ที่ได้จึงแตกต่างกันต่อให้เป็นตัวละครเดิมหรือสถานที่เดิม กระนั้นความน่าสนใจหลักๆ คือนักแสดง Anya Taylor-Joy ที่ใส่อารมณ์คนนิ่ง แต่ภายในใจเต็มไปด้วยไฟที่ลุกโชนตลอดเวลา พอถึงเวลาต้องลุยคือสาวแกร่งที่โคตรเท่