
The Platform 2 (2024) | เดอะ แพลตฟอร์ม | B
Director: Galder Gaztelu-Urrutia
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller
ไม่คิดว่าจะมีภาคต่อเพราะเนื้อเรื่องไม่น่าจะมีเพิ่มเติมอะไรได้แล้ว แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นคล้ายภาคแรกเหมือนเดิม เหตุการณ์เกิดขึ้นที่คุกแห่งหนึ่ง มีจำนวน 333 ชั้น มีอาหารให้กินจากข้างบนที่ลงมาทีละชั้นไปเรื่อยๆ ยิ่งลงยิ่งมีอาหารน้อยลงจนไม่เหลืออะไรเลย และมีการเวียนชั้นที่โชคดีตื่นขึ้นมาเห็นเลขน้อยคือชั้นบนๆ ถ้าเห็นเลขเยอะคือชั้นล่างๆ ที่อาจอดตายหรือประสาทเสียไปก่อน

ภาคแรกอธิบายกฎของคุกให้แล้วว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนห้ามทำ และอื่นๆ จนดำเนินเรื่องราวไปรวดเร็วแบบไม่ต้องมาอธิบายซ้ำ ทำให้บางครั้งต้องมานั่งนึกบ่อยครั้งว่าเกิดขึ้นได้ไง ซึ่งกฎของคุกยังคงใช้งานต่อไปอย่างไม่ลำเอียง แต่สิ่งที่ภาคนี้ต้องการให้เห็นคือกฏของคนในคุกที่ก้ำกึ่งความเป็นเสรีภาพกับเผด็จการ

“เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ”
ภาคแรกอธิบายกฎของคุกเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ซึ่งค่อนข้างอิสระในการจัดการชีวิตตัวเอง ยกเว้นอย่าเก็บของกินไว้กินในเวลาที่อาหารเปลี่ยนชั้น ดังนั้นทุกคนจึงเลือกกินให้มากที่สุดเพราะกลัวไม่อิ่ม จนชั้นล่างๆ เริ่มไม่เหลืออะไรให้กิน ทำให้เกิดกฎที่ควบคุมกันเอง โดยให้กินเฉพาะอาหารที่ตัวเองบอกก่อนเข้าคุกเท่านั้น
กินเฉพาะอาหารของตัวเองเท่านั้น คือกฎที่ตั้งขึ้นเพราะให้ทุกคนในคุกได้กินและอยู่รอด แต่กฎไม่สามารถบังคับทุกคนให้ทำตามได้เสมอไป ดังนั้นจึงมีโทษสำหรับคนที่ฝ่าฝืนกฎจากคนที่เคร่งครัด หรือบรรดาสาวกที่ตั้งตนประหนึ่งลัทธิ หากอยู่ชั้นล่างจะมีสาวกจากชั้นบนลงไปหาเพื่อทำโทษ

การตั้งกฎห้ามกินอาหารของคนอื่น และต้องเทอาหารของคนที่เสียชีวิตทิ้ง ทำให้สะท้อนถึงความโลภที่สามารถห้ามใจตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงเคารพสิทธิ์คนอื่นได้หรือไม่ ซึ่งความสำคัญนี้กลายเป็นเส้นกั้นบางๆ ของการจำกัดเสรีภาพ ไม่มีสิทธิ์จะแสดงความเห็นหรือช่วยเหลือ อีกทั้งยังสามารถโยนความผิดที่อาจจริงหรือปลอมจากการพูดปากต่อปากได้อีกด้วย
กฎที่มีช่องว่างทำให้ควบคุมและชักจูงได้เฉพาะบางคนเท่านั้น ไม่มีใครเชื่อและปฏิบัติตามเพราะการอยู่ในคุกเท่ากับเสียเสรีภาพมากพอแล้ว การต้องมาทำตามกฎจากคนที่อยู่ร่วมคุกเหมือนกันจึงมองเป็นการไม่เท่าเทียมกัน

นอกจากกฎที่ตั้งขึ้นเองแล้วยังมีฉากเด็กจำนวนหนึ่งที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยเล่นขึ้นไปข้างบนเพื่อสไลด์ตัวลงมาข้างล่าง จากนั้นจำนวนเด็กเริ่มมากขึ้นพร้อมกับความชุลมุนของการขึ้นข้างบนที่ต้องแย่งชิงไปจนสถานการณ์ดูเครียด ฉากนี้มีลักษณะคล้ายความเรียบง่ายที่เริ่มยุ่งยาก ขาดการจัดลำดับ หรือระเบียบจนนำมาสู่ความวุ่นวาย

หลายอย่างมีความก้ำกึ่งเพราะทิ้งปริศนาไว้ให้ค้างคาตั้งแต่ภาคแรก จนภาคต่อยังคงทำให้เป็นปริศนาเช่นเดิมและอาจเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพล็อตเรื่องยังคงมาลักษณะเดิม แค่เล่าในมุมที่แตกต่างทำให้การขยายความเนื้อหาค่อนข้างน้อย จึงเป็นข้อเสียของภาคนี้ที่เอาเข้าจริงไม่ค่อยมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาสักเท่าไร แถมยังปล่อยให้คำถามที่รอคำตอบเป็นเช่นนั้นต่อไป (หวังว่าภาคต่อจะช่วยขยายให้กว่านี้)
แม้ไม่ได้สิ่งที่หวังเพราะไม่ยอมเฉลยตรงๆ และไม่ทิ้งบางสิ่งให้หยิบมาเชื่อมโยงได้ง่ายๆ ทำให้ไม่ต่างกับติดคุกที่ยังวงเวียนตามชั้นต่างๆ แต่หากมองข้ามประเด็นนี้จะพบว่าสิ่งที่ไม่ลดลงไปเลยคือความรุนแรงและความชิงชัง ทำให้รู้สึกได้ว่าคนเรานั้นเห็นแก่ตัวได้เสมอ สามารถทำเรื่องน่าเกลียดได้หน้าตาเฉย พร้อมบ้าคลั่งป่าเถื่อน และทำลายเพื่อให้ตัวเองรอด
