Mortal Kombat (2021) มอร์ทัลคอมแบท

Mortal Kombat (2021) | มอร์ทัลคอมแบท | B
Director: Simon McQuoid
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi | Thriller

ถ้าเปรียบเทียบถึง Mortal Kombat (1995) ที่เป็นหนังต้นฉบับยังมีความห่างกันพอสมควรในเรื่องการเร้าอารมณ์ยังไงให้ออกมามันส์ (แม้คิวบู๊จะแปลกๆก็เหอะ) ทำให้หนังพล็อตเรื่องจับคนจากทั่วโลกมาสู้เพื่อกู้โลกยังน่าดูและพร้อมหยิบมาดูซ้ำได้เสมอ แต่น่าเสียดายที่ความเท่และดนตรีติดหูจนเป็นจุดขายต้องพังลงเพราะภาคต่ออย่าง Mortal Kombat: Annihilation (1997)

Apt Pupil (1998) พลิกหลักสูตรมรณะ

Apt Pupil (1998) | พลิกหลักสูตรมรณะ | B-
Director: Bryan Singer
Genres: Crime | Drama | Thriller

เรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นทั้งประวัติศาสตร์ต้องเรียนรู้และต้องห้ามเรียนรู้ได้เช่นกัน เมื่อ ทอดด์ โบวเดน (Brad Renfro) บังเอิญไปพบกับ เคิร์ต ดุสเซนเดอร์ (Ian McKellen) บุคคลน่าสงสัยที่น่าจะเป็นอาชญากรนาซีที่หลบหนีมาใช้ชีวิตปกติเหมือนลุงวัยเกษียณข้างบ้านที่ไม่มีพิษมีภัย ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าในตำราจึงบังคับให้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างละเอียด หากไม่ทำตามจะแจ้งตำรวจมาจับ ทว่าการรื้อฟื้นอดีตที่ผ่านไปนานจะทำให้ด้านที่เลวร้ายและโหดเหี้ยมถูกปลุกด้วยเช่นกัน

Shadow in the Cloud (2020) ประจัญบาน อสูรเวหา

Shadow in the Cloud (2020) | ประจัญบาน อสูรเวหา | B+
Director: Roseanne Liang
Genres: Action | Horror | War

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ถ้าหนังไม่ทิ้งประเด็นในต้นเรื่อง คำถามจะเกิดตลอดทั้งเรื่องจนจบว่าสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกเหมือนหนูบินได้คือตัวอะไร ซึ่งนับว่ายังใจดีที่เฉลยให้คนดูเข้าใจ (บางคนไม่รู้อะไรเลย) เพราะตัวนั้นคือ"เกรมลิน"หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ้าตัวปัญหาที่ถูกทหารนำมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบหรือข้อผิดพลาด

Rocky Balboa (2006) ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน

Rocky Balboa (2006) | ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน | A-
Director: Sylvester Stallone
Genres: Action | Drama | Sport
 
หลังจากปิดตำนานไปใน  Rocky V (1990) ที่แม้จะเป็นการปิดเรื่องราวที่ไม่ถึงกับดีหรือแย่จนเกินไปเพียงไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ แต่ถือว่าชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ได้มาถึงความปุถุชนเดินดินได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งพาความร่ำรวยหรือชื่อเสียงใดๆ เดิมทีนั้นการปิดจบในภาคที่ 5 จะต้องลงเอยด้วยการตายของร็อคกี้ แต่ถูกเปลี่ยนใจเพราะสตูดิโอไม่เห็นด้วย นั้นเองจึงเป็นการแก้มือให้กับ Sylvester Stallone ที่อยากแก้ไขตอนจบของหนัง Rocky ที่ไม่ใช่แค่การเผชิญกับอุปสรรคชีวิตที่ต้องปรับตัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อตัวเองแก่ตัวลง ด้วยความไม่สบายใจที่หนังจบเช่นนั้นในภาค 5 จึงอยากแก้ตัวอีกครั้งในปี 1999 ทว่าเพราะจบไม่สวยเนื่องจากเสียงวิจารณ์และรายได้ตกต่ำจึงไม่ได้รับอนุมัติให้สร้างภาคต่อ จนกระทั่งต้องรอต่ออีก 6 ปีถึงจะสร้างภาคต่อได้ ซึ่งกว่าจะได้สร้างทำให้บทหนังที่ Sylvester Stallone เขียนเอาไว้เข้ากับตัวตนจริงๆของเขาพอดี

Rocky V (1990) ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ

Rocky V (1990) | ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ | C+
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
 
 ต้องเกริ่นก่อนว่าภาคนี้เป็นเสมือนตราบาปของ Rocky ที่มาผิดพลาดทำเอาความหวังของแฟนๆบ่นเสียดายกันไม่น้อย แล้วอะไรทำให้หนังภาคต่อที่มีดีกรีความสนุกไม่มีท่าทีลดหย่อนต้องมาถึงจุดต่ำสุดคืออะไร คำตอบคือความสมเหตุสมผล การที่ภาคนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดีจึงไม่ต่างกับชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ที่ต้องย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ชีวิตที่เคยเป็นคนธรรมดาใช้กินแค่พอประทังในแต่ละวัน เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าย้อนเหตุการณ์หลังจากไปชกที่รัสเซียและได้รับชัยชนะกลับมาแต่เกิดความผิดปกติบางอย่างในตัวร็อคกี้ทำให้เขาเริ่มเห็นว่าร่างกายไม่เหมือนเคย ซึ่งภายหลังได้รับเข้าตรวจร่างกายและพบว่าได้การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้ส่งผลต่อสมอง ด้วยเหตุนี้เองจุดจบของการเป็นนักมวยได้จบลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นความต้องการของเอเดรียน (Talia Shire) ด้วยส่วนหนึ่งที่อยากให้ร็อคกี้ได้พักจากการต่อสู้เพื่อนคนอื่นบ้าง ทว่าปัญหาที่เหมือนจะทุเลาแก้ไขด้วยการแขวนนวมยังไม่จบเมื่อร็อคกี้กลายเป็นคนล้มละลายต้องสูญเสียทุกอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการต่อสู้ ไม่ว่าจะบ้าน รถ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แทบจะไม่มีอะไรเหลือในชีวิตที่บ่งบอกถึงความร่ำรวยมาก่อนอีกเลย สิ่งเดียวที่ร็อคกี้ทำได้คือกลับมาสู้ชีวิตอีกครั้งในฐานะปถุชนอีกครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ใช่นักมวยที่ได้รับโอกาสให้สู้บนสังเวียน แต่จะเป็นการสู้บนชีวิตที่ไร้ตัวช่วยโดยเขาจะต้องทำโอกาสด้วยตัวเอง

Rocky IV (1985) ร็อคกี้ 4

Rocky IV (1985) | ร็อคกี้ 4 | B-
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ตามตรงภาคนี้มีความเอนเตอร์เทนผู้ชมสูงมากจนกลายเป็นอีกภาคที่ชอบไม่ด้อยไปกว่าสามภาคก่อนทั้งที่เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการเดิมของ Sylvester Stallone ที่ตอนแรกตั้งใจทำเป็นภาคแรกภาคเดียวก่อน พอประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลจึงสามารถสานต่อเรื่องราวทำเป็นไตรภาค แต่ด้วยความที่ตัวหนังยังรักษามาตรฐานความสนุกอยู่จึงต้องมีภาคต่อออกมาและครั้งนี้โยงนัยยะไปไกลจากคนธรรมดาสู้ชีวิตกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชาติที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ในความรู้สึกก่อนจะมาถึงเรื่องราวในภาคนี้ยังคงคิดเสมอว่าการต่อสู้นั้นไม่ได้มีแค่บนสังเวียนเพียงอย่างเดียว ในชีวิตบนถนนหนทาง การกินอยู่อาศัย และดำเนินชีวิตยังคงเป็นความลำบากที่มีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะรวยหรือจนแม้แต่การมีคนรอบข้างมากน้อยเพียงใดก็ไม่อาจชดเชยความทรหดอดทนที่ตัวเองต้องฟันฝ่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเองที่เลือก ไม่ใช่กับคนอื่นที่มาชี้ทางให้เพราะสุดท้ายคนที่มีสิทธิ์สูงที่สุดคือเราเอง ต้องยอมรับอย่างหนึ่งถึงข้อคิดมากมายของการใช้ชีวิตคือวิ่งเข้าหาปัญหาและเผชิญกับสิ่งนั้นพร้อมกับแก้ไขไปด้วย ไม่ใช่วิ่งเข้าปัญหาเพื่อก่อสร้างขึ้นหรือวิ่งหนีปล่อยมันไปจนสักวันหนึ่งปัญหาก็ไล่ตามทัน สำหรับปัญหาเสมือนโอกาสที่เกิดมาทดสอบว่ามีวิธีจัดการยังไง บางทีปัญหาทำให้เราชนะ บางทีทำให้เราแพ้ นั้นก็แล้วแต่ความใจสู้ที่จะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้ายยังไง ผลลัพธ์อาจออกมาแพ้แต่ไม่เสมอไปเลยที่จะไม่มีคำว่าชนะอยู่ในนั้น

Rocky III (1982) ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ

Rocky III (1982) | ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ | B+
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"การเป็นแชมป์มันยาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับการรักษาแชมป์"
 
หลังจากโค่นอพอลโล ครีด (Carl Weathers) ลงได้สำเร็จก็สร้างปรากฎการณ์ทำให้ร็อคกี้ บัลบัวร์  (Sylvester Stallone) กลายเป็นคนดังและเป็นขวัญใจประชาชนชาวอเมริกาในแบบที่ใครก็ร้องเรียกชื่อเขาไม่ขาดสาย ซึ่งนั้นทำให้ร็อคกี้ได้ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าอาชีพมวยเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด จึงตัดสินเลือกเส้นทางนี้ต่อไปด้วยการรักษาแชมป์ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงจุดอิ่มตัวและคงถึงเวลาต้องแขวนนวมอย่างจริงจังเสียที ทว่าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคลับเบอร์ แลง (Mr. T) มาขอท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่า ถ้ามองเนื้อเรื่องภาคนี้จะเห็นได้อย่างหนึ่งคือความไม่สมหวังของร็อคกี้ที่อยากจะพักลาวงการมวยแต่ไม่เคยได้เลยสักครั้งเดียวเพราะใครๆก็อยากเข้ามาท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าและร็อคกี้เป็นเพียงนักมวยที่เคยไร้ชื่อเสียงที่ได้เป็นแชมป์เพราะโชคช่วย ถึงอย่างงั้นตัวร็อคกี้ได้แสดงความสามารถตัวเองชัดเจนในการรักษาตำแหน่งที่ยาวนานจนคิดว่าสมควรแก่เวลาเปลี่ยนมือให้คนอื่นได้เป็นแชมป์กันเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงสร้างความไม่พอใจให้กับคลับเบอร์ผู้พยายามฝึกซ้อมหนักและชกมวยชนะมาตลอดเพื่อหวังไต่อันดับอย่างเขาต้องถึงกับไม่พอเป็นอย่างสูง เนื่องจากสิ่งที่พยายามมาโดยตลอดกำลังจะสูญเปล่า เมื่อร็อคกี้กำลังจะประกาศอำลาวงการเท่ากับสิ่งที่คลับเบอร์ทำคือหมดความหมาย สำหรับคลับเบอร์แล้วร็อคกี้เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียวที่ต้องโค้นให้ได้และคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกที่คิดว่าเหมาะสมกับเขาที่สุด ทางด้านร็อคกี้ที่จะเลิกชกสุดท้ายต้องกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งโดยจะเป็นการปิดฉากด้วยชัยชนะที่แท้จริงของเขาเองและให้คำตอบว่าตัวเขาสามารถชนะได้ทุกคนไม่ว่าจะอันดับไหนก็ตาม แต่แล้วความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ร็อคกี้คิดเมื่อเขาแพ้ แพ้อย่างหมดรูปทั้งกายและจิตใจ

Rocky II (1979) ร็อคกี้ 2

Rocky II (1979) | ร็อคกี้ 2 | A
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ความสำเร็จของภาคแรกกลายเป็นสิ่งยืนยันว่า Sylvester Stallone สามารถเอาชนะความยากลำบากมาได้ ทั้งเป็นชัยชนะที่เหนือความคาดหมายอย่างมหาศาลไม่ว่าจะรายได้หรือรางวัลก็ล้วนไหลเทหาตัวจนเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นคนดัง เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่สะท้อนตัวตนออกมาคล้ายเป็นสิ่งเตือนใจในยามมีทรัพย์สินเงินทองว่าควรจะใช้อย่างไรให้มีความสุขและคุ้มค่า ก่อนจะเข้าประเด็นหลักต้องเริ่มจากย้อนความไปหาภาคแรกเริ่มจากสิ่งที่ชายธรรมดาคนหนึ่งเป็นนักมวยไร้อันดับที่ถูกครูมองเป็นเพียงคนตกรุ่นที่ไม่รู้จักขวนขวาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับชีวิตเมื่อถูกเลือกเป็นคู่ชกกับนักมวยอันดับหนึ่งของโลกตามวัตถุประสงค์การให้อิสรภาพแก่คนที่ไร้หนทางในวงการได้มีสิทธิ์ได้ทดสอบความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทว่าใช่จะตอบยอมรับขึ้นชกเลยทันทีเพราะในใจลึกๆแล้วรู้ดีว่าไม่อาจสู้ได้และคิดเกี่ยวกับมวยที่ตัวเขาไม่เป็นมวยควรจะแขวนนวมเพื่อให้ค่ายมวยที่ตัวเองอาศัยไม่แปดเปื้อนจากการทำผิดๆของเขาไปกว่านี้ แต่นั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเพราะไม่ว่าเขาหรือคนรอบข้างก็ต่างคิดว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่สมควรจะลองดู คำว่าลองคือความจริงจังและไม่ว่าจะแพ้หรือชนะยังไงก็ตาม ถ้าได้ขึ้นเวทีและชกสุดวามสามารถที่ตัวเองทำได้ก็ไม่ต่างกับได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้ถึงคนที่ไม่มีอะไรเลยก็มีความพยายามไม่ท้อถอยและสู้เป็น สู้เพื่อชัยชนะ สู้ให้กับตัวเองถึงความกลัวที่อยู่ตรงหน้าที่จะไม่หันหลังให้อีกต่อไป ให้ทุกคนรับรู้นี่แหละเขา "ร็อคกี้"

Rocky (1976) ร็อคกี้

Rocky (1976) | ร็อคกี้ | A+
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
 
"ความสำเร็จของ Rocky คือการทำให้ร็อคกี้ได้กลับมาสู้ชีวิตสานต่ออาชีพนักมวยอีกครั้ง เฉกเช่นกับ Sylvester Stallone ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้สู้ชีวิต ถ้าว่ากันตามตรงนี้คือหนังที่สะท้อนตัวตนของผู้เขียนบทจากชีวิตจริงร่วมด้วยส่วนหนึ่ง ฉะนั้นจะเพื่อใครก็ตามนี้คือหนังเพื่อ Sylvester Stallone ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเองเพื่อความพยายามของเขาที่ทุ่มหมดหน้าตัก"

Clickbait (TV Mini Series 2021) คลิกล่อตาย

Clickbait (TV Mini Series 2021) | คลิกล่อตาย | A-
Creators: Tony Ayres, Christian White
Genres: Crime | Drama | Mystery | Thriller

Clickbait คือ การใช้คำหรือรูปภาพชวนให้สงสัยหรือจูงใจให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคลิกเข้าไปอ่าน ทั้งที่เนื้อหาอาจไม่มีอะไรเลย แต่การพาดหัวทำให้คนหลงกลคลิกเข้าไปเพื่อเรียกยอดคนดูในเว็บไซต์ แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับหนังเรื่องนี้ พูดถึงการหลอกลวงหรือสร้างข่าวให้คนสนสนหรือเปล่า นั่นเป็นส่วนหนึ่งของหนังที่ต้องการสื่อว่าโลกอินเทอร์เน็ตกับโลกชีวิตจริงมันคนละเรื่อง

The Suicide Squad (2021) เดอะ ซุยไซด์ สควอด

The Suicide Squad (2021) | เดอะ ซุยไซด์ สควอด | A
Director: James Gunn
Genres: Action | Adventure | Comedy | Sci-Fi

ส่วนตัวเชื่อว่า Suicide Squad (2016) ของผู้กำกับ David Ayer จะต้องมีฉบับที่ดีกว่านี้ แม้จะถูกปฏิเสธเกี่ยวกับการตัดต่อที่ไม่มีฉบับอื่นอีกแล้ว ซึ่งน่าเสียดายหากมีสิ่งที่ดีกว่านั้น แต่ถ้านี้คือที่สุดคงต้องยอมรับความจริงว่าหนังทำได้สนุกระดับกลางๆ การเล่าเรื่องค่อนข้างธรรมดา สิ่งที่ทำให้เด่นและน่าจดจำคือคาแรคเตอร์ตัวละครที่พยุงหนังให้รอดพ้นน้ำอยู่บ้าง

The Guilty (2021)

The Guilty (2021) | B
Director: Antoine Fuqua
Genres: Crime | Drama | Thriller

ฟอร์มหนังมาดีมาก แต่จะดีกว่าถ้าไปดู The Guilty (2018) หรือต้นฉบับ เพราะที่เห็นเป็นการรีเมคจนเสียแก่นความดั้งเดิม โดยเฉพาะความเงียบที่ไม่ควรมีเสียงดนตรีประกอบเข้าแทรก ยิ่งเงียบยิ่งเดาใจยากและยิ่งกดดัน ทว่าที่ฟังมีดนตรีคลุกเคล้าเกือบตลอดจนเป็นการปรุงแต่งให้คล้อยตามมากกว่าสถานการณ์พาไป

His House (2020) บ้านของใคร

His House (2020) | บ้านของใคร | A-
Director: Remi Weekes
Genres: Drama | Horror | Thriller

"ความเย็นชาที่แสนเครียด"

คู่รักสามีภรรยาผิวดำ โบล (Sope Dirisu) และ ริอัล (Wunmi Mosaku) ที่ต้องลี้ภัยสงครามจากประเทศซูดาน มาหาที่พักใหม่ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งการอพยพเป็นไปด้วยความราบลื่นตามขั้นตอนกฎหมาย ทว่าการเป็นคนต่างถิ่นจากแอฟริการมาสู่ประเทศที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ดีจึงไม่ง่ายเช่นนั้น มิหนำซ้ำต้องเผชิญกับบาดแผลในใจกับการสูญเสียคนที่รัก

Kate (2021) เคท

Kate (2021) | เคท | C+
Director: Cedric Nicolas-Troyan
Genres: Action | Adventure | Crime | Drama | Thriller

มีความน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้อยากดู แต่พอได้สัมผัสกลายเป็นรสชาติเดิมๆ มีความอร่อยระดับหนึ่งและจืดพอสมควร ไม่กลมกล่อมชวนให้ชิมซ้ำ ซึ่งน่าเสียดายจากภาพรวมของหนังที่มีวัตถุดิบเหลือเฟือให้ใช้ แต่พอไม่ใช้หรือใช้ไม่ทั่วถึงจะมีสภาพไม่ต่างกับหนังแอ็คชั่นที่ลอกหนังเรื่องอื่นที่มาแนวๆนี้ซะส่วนใหญ่

Wolf Creek (2005) หุบเขาสยองหวีดมรณะ

Wolf Creek (2005) | หุบเขาสยองหวีดมรณะ | C+
Director: Greg Mclean
Genres: Horror | Thriller 

มากับหนังที่นำเสนอได้ดีกับการท่องเที่ยวโลกกว้างที่เที่ยวนี้มีสยองและที่น่าสะเทือนใจเห็นจะเป็นว่าการอิงจากเรื่องจริงเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว Wolf Creek ที่เกิดจากอุตกาบาตพุ่งชนจนเกิดเป็นแอ่งใหญ่เป็นภูเขารายรอบ ซึ่งเนื้อเรื่องมีอยู่ว่าที่ในประเทศออสเตรเลียจะมีข่าวว่าในทุกๆปีจะมีรายงานนักท่องเที่ยวสูญหายในขณะท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นภูมิประเทศหุบเขา มีจำนวนมากถึง 30,000 คนต่อปี และีมีเพียง 90% เท่านั้นที่ถูกพบเจอภายในเดือนเดียวกับที่ถูกแจ้งหาย ส่วนอีก 10% นั้นหายสาบสูญอย่างไรร่องรอย อย่างไรก็ตามทีการหายไปเป็นประเด็นที่ยากเกินไปในการสำรวจค้นหาเพราะสถานที่มีขนาดกว้างขวาง แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมโล่งโจ้งไร้ป่าไม้บดบังก็ตามทีแต่การจดจำหรือทิ้งร่องรอยให้หาเบาะแสนั้นไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มใต้มหาสมุทรที่เปลี่ยนเป็นหาเข็มในดงหุบเขา

Creep 2 (2017) สยอง 2

Creep 2 (2017) | สยอง 2 | A+
Director: Patrick Brice
Genres: Crime | Drama | Horror | Thriller

ถ้าคิดว่า Creep (2014) ภาคแรกทำออกมาเจ๋งแล้ว ภาคต่อจะสนุกและพลิกแพลงมากกว่ากันหลายเท่า ซึ่งพล็อตเรื่องยังคงเช่นเดิมที่เล่าถึง โจเซฟ (Mark Duplass) จ้างคนมาถ่ายวีดีโอชีวิตประจำวันเพื่อทำเป็นสารคดี โดยผู้มาถ่ายวีดีโอให้คือ ซาร่า (Desiree Akhavan) สาวยูทูปเปอร์ที่เหนื่อยใจกับผลงานจนมาลองกับงานชิ้นนี้เป็นครั้งสุดท้าย

Creep (2014) สยอง

Creep (2014) | สยอง | B+
Director: Patrick Brice
Genres: Horror | Thriller

หนังนอกกระแสแนว Found footage ที่มีพล็อตชวนน่าเห็นใจ เมื่อ อาร์รอน (Patrick Brice) ได้รับการว่าจ้างให้มาถ่ายวีดีโอบันทึกชีวิตประจำวันให้กับ โจเซฟ (Mark Duplass) ผู้ซึ่งป่วยเป็นเนื้องอกในสมองและมีเวลาเหลืออยู่บนโลกแค่ 2 เดือน ก่อนจากไปคงจะดีหากลูกๆหรือครอบครัวมาเห็นช่วงชีวิตสุดท้ายของเขาที่อยากใช้ชีวิตร่วมกัน

Fear Street: Part Three - 1666 (2021) ถนนอาถรรพ์ ภาค 3 : 1666

Fear Street: Part Three - 1666 (2021) | ถนนอาถรรพ์ ภาค 3 : 1666 | B+
Director: Leigh Janiak
Genres: Horror | Mystery

ผสานรอยต่อระหว่าง Fear Street: Part One - 1994 (2021),Street: Part Two - 1978 (2021) และ Fear Street: Part Three - 1666 (2021) ให้เชื่อมเข้าหากันอย่างแนบเนียนเพื่อสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องจากปัจจุบันไปสู่อดีต แล้วอดีตมาสู่ปัจจุบัน

Fear Street: Part Two - 1978 (2021) ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 : 1978

Fear Street: Part Two - 1978 (2021) | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 : 1978 | B+
Director: Leigh Janiak
Genres: Drama | Horror | Mystery

ต่อเนื่องมาจาก Fear Street: Part One - 1994 (2021) หลังจากที่พยายามสู้กับเหล่านักฆ่าที่แม่มด"ซาร่าเฟียร์"ส่งมาเอาชีวิต จนคิดว่าหนีรอดได้สำเร็จ ทว่าไม่ใช่เช่นนั้นเพราะทุกอย่างยังไม่จบและทุกคนยังถูกไล่ล่าอีกครั้ง วิธีที่จะยับยั้งได้คือการตามหาคนที่เคยรอดชีวิตมาก่อนเพื่อหาวิธีรอดจากคำสาปที่ไม่รู้จบในปี 1978

Fear Street: Part One - 1994 (2021) ถนนอาถรรพ์ ภาค 1 : 1994

Fear Street: Part One - 1994 (2021) | ถนนอาถรรพ์ ภาค 1 : 1994 | B
Director: Leigh Janiak
Genres: Drama | Horror | Mystery

ผิวเผินคือหนังสยองขวัญไล่เชือดเรื่องหนึ่งที่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่จุดเด่นคือการนำสูตรสำเร็จมายำใหม่ให้มีมิติมากขึ้น โดยอ้างว่าการเกิดเหตุฆาตกรรมจากเหล่านักฆ่าล้วนมาจากคำสาปของแม่มด ซึ่งเป็นแม่มดนามว่า"ซาร่าเฟียร์"ที่ถูกเล่าขานจากลูกหลานจนเป็นเรื่องเล่าประจำเมือง

Brand New Cherry Flavor (TV Mini Series 2021) รสแค้นแสนหวาน

Brand New Cherry Flavor (TV Mini Series 2021) | รสแค้นแสนหวาน | B+
Creators: Nick Antosca, Lenore Zion
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller

จุดเริ่มต้นการเป็นผู้กำกับหนังต้องเริ่มจากการเป็นที่ต้องตาของโปรดิวเซอร์หรือผู้กำกับคนดังที่อยากปั้นเด็กในสังกัด ครั้งนี้ ลิซ่า โนวา (Rosa Salazar) คือผู้กำกับสาวมือใหม่ที่เป็นหนึ่งในนั้นที่บังเอิญหนังสั้นที่ตัวเองส่งเป็นที่ถูกใจแก่ ลู เบิร์ก (Eric Lange) จนอยากซื้อลิขสิทธิ์เข้าสังกัด ทว่าความไม่อยากเสียความฝันจึงยอมมอบหนังสั้นให้ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นผู้กำกับเองเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าผิดเงื่อนไขจนตัวเองไม่มีสิทธิ์ใดๆกับหนังของตัวเอง ทำให้แก้แค้นด้วยการไปหา โบโร (Catherine Keener) เพื่อทำไสยศาสตร์ก่อนจะเป็นเรื่องวุ่นวายให้เกิดคนตายมากมาย

The Mule (2018) เดอะ มิวล์

The Mule (2018) | เดอะ มิวล์ | A-
Director: Clint Eastwood
Genres: Crime | Drama | Thriller

"ตาซื้อได้ทุกอย่าง แต่ซื้อเวลาไม่ได้"

มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นกับในหนังเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือชีวิตครอบครัวของ (Clint Eastwood) ที่พังเพราะเขาคนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงต้องอยู่คนเดียวเพียงเพราะเป็นคนชอบงานและติดสังคมภายนอก ซึ่งเทียบสังคมภายในหรือครอบครัวแล้วแทบเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลย

The Swarm (2020) ตั๊กแตนเลือด

The Swarm (2020) | ตั๊กแตนเลือด | B-
Director: Just Philippot
Genres: Drama | Fantasy | Horror

เกริ่นก่อนว่าไม่ใช่ตั๊กแตนกินคนในแบบหนังฉลามกินคนที่จะกระโดดงับไปทั้งตัว แต่เป็นการกินในลักษณะของความบ้างานจนเกินตัว ซึ่งพล็อตเรื่องจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ครอบครัวที่หารายได้จากตั๊กแตน โดยมีการเลี้ยงในฟาร์มเพื่อส่งขาย ทว่าต้องประสบปัญหาหลายอย่างจนบังเอิญตั๊กแตนได้กินเลือด นั่นทำให้ตั๊กแตนเกิดการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเกินคาด

Come and See (2019) เอหิปัสสิโก

Come and See (2019) | เอหิปัสสิโก | B+
Director: ณฐพล บุญประกอบ
Genres: Documentary

ตอนเกิดเรื่องเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายก็ไม่ได้ถึงกับติดตามข่าวมากนัก รับรู้แค่ว่ามีการแสดงถึงการทำบุญที่โดดเด่นกว่าทุกวัดและใช้แรงศรัทธาในการซื้อใจให้มาร่วมทำบุญ แน่นอนว่ายิ่งมีคนทำบุญเยอะก็ยิ่งมีทรัพย์เพิ่มตามไปด้วย แต่นั้นทำให้เกิดความรู้สึกที่เกือบแยกไม่ออกระหว่างทำบุญกับธุรกิจ

Godzilla: The Planet Eater (2018) ก็อดซิลล่า จอมเขมือบโลก

Godzilla: The Planet Eater (2018) | ก็อดซิลล่า จอมเขมือบโลก | C+
Director: Hiroyuki Seshita, Kôbun Shizuno
Genres: Animation | Action | Adventure | Sci-Fi

กว่าดูจบครบไตรภาคต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่ใช่ระยะเวลาการเล่าเรื่อง แต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่สามารถดูต่อเนื่องทีเดียวเพราะสไตล์เรื่องค่อยเป็นค่อยไปจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย จึงเป็นเหตุให้ลืมดูภาคนี้หลังจากอดทนกับสองภาคแรก ทำให้พลาดบางอย่างที่น่าสนใจ แม้จะชอบบ้างไม่ชอบบ้างก็ตามที
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)